ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ปล่อยตัวประกันสร้างภาพ
คอลัมน์ วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
กปปส.ทำเซอร์ไพรส์ ยุบเวทีไปสวนลุมพินีแห่งเดียว ทำให้สันนิษฐานกันต่างๆ นานา เสื้อแดงก็เย้ยว่าคนน้อย หมดท่อน้ำเลี้ยง ฯลฯ ขณะที่กระบอกเสียง กปปส.อ้างว่า ต้องการลดผลกระทบเอกชน
ผีสาง! ชัตดาวน์มา 2 เดือนเพิ่งรู้หรือว่ากระทบเอกชน
เหตุผลสำคัญน่าจะเป็นการปรับยุทธศาสตร์ทางการเมือง สืบเนื่องจากจุดเปลี่ยนใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่ตำรวจ “ขอคืนพื้นที่” แล้วถูกกองกำลังติดอาวุธไล่ยิง คำสั่งศาลแพ่ง ที่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับอย่างรุนแรง และคนร้ายยิง M79 ใส่ม็อบ มีเด็กตายถึง 4 คน ทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมเรียกร้องให้ “ถอยคนละก้าว” เพื่อ “เจรจา”
กปปส.รู้ดีว่าการจับกรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน ขัดขวางเลือกตั้ง ปิดสถานที่ราชการ มีกองกำลังติดอาวุธ ทำให้ภาพลักษณ์ “ม็อบมีเส้น” ติดลบถึงขีดสุด กระทบองค์กรสถาบันต่างๆ ที่ปกป้องอย่างโจ่งแจ้ง และทำให้กระแสการเมืองตีกลับไปเห็นใจรัฐบาล
เมื่อรู้ว่าสังคมบีบให้เจรจา สุเทพ เทือกสุบรรณ จึงชิงขอเจรจายิ่งลักษณ์ ตัว-ตัว ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่เจรจา แต่เป็น “ท้าดีเบต” ขณะเดียวกันก็เลียนแบบ “โจร” จับตัวประกัน ชิงปล่อยตัวประกันจำนวนหนึ่งเพื่อให้ตัวประกันที่เหลือและสังคมมีความรู้สึกที่ดีขึ้น เอาใจช่วยให้เจรจากันสำเร็จ สร้างความได้เปรียบให้ “โจร” ในการเจรจา
ในกรณีนี้ กปปส.มีสื่อกระแสหลัก มีกระแสสังคมที่เอียงข้างอยู่แล้ว พร้อมจะแซ่ซ้องการตัดสินใจเยี่ยง “พระเอก” ทำเป็นลืมความเดือดร้อนและความรุนแรงที่ก่อมาเกือบ 4 เดือน ฟอกกันเสร็จก็หันไปเรียกร้องรัฐบาลให้ “ลดเงื่อนไข” “พบกันครึ่งทาง” ท้ายที่สุด ก็จะเรียกร้อง “นายกฯ คนกลาง” โดยอ้างว่านี่คือหนทางดีที่สุด ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ คนไทยด้วยกัน อย่ารบราฆ่าฟันกันอีกเลย
ถ้ารัฐบาลไม่ยอม กระแสที่บรรจงสร้างก็จะชี้หน้าว่ารัฐบาลนี่แหละทำให้สังคมฉิบหาย ทำให้คนไทยต้องฆ่ากัน
การสร้างกระแสนี้เดินไปพร้อมกับ ปปช.จะถอดถอนนายกฯ กกต.ยื้อเลือกตั้ง ความเดือดร้อนของประชาชนจากที่รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจเต็ม เช่น ปัญหาชาวนาก็จะรุมเร้า
อันที่จริง กปปส.ยุบเวทีแค่ย่านธุรกิจกลางเมือง แต่ยังปิดสถานที่ราชการอยู่ ม็อบลูกคู่ เช่น พุทธอิสระที่แจ้งวัฒนะไม่ยอมเลิก คปท. กปท. นปป.ก็ยังปิดถนน คปท.เพิ่งเอาเหล็กไปเชื่อมปิดประตูกระทรวงศึกษา 2-3 วันก่อนการ์ดก็ซ้อมวิศวกรกรมชลประทานที่ไม่ยอมหยุดงานเพราะต้องดูแลปัญหาน้ำเค็ม
แต่สุเทพคุยได้ว่าเราหยุดแล้ว รัฐบาลสิยังไม่หยุด สื่อกระแสหลักก็พลอยพยัก หันไปชี้หน้าเสื้อแดงที่ขู่แยกประเทศว่าเป็นกบฏ ทีพวกตัวซึ่งคิดจะล้มรัฐบาลโดยขัดขวางเลือกตั้ง ใช้กำลังข่มขู่คุกคามไปทั่ว กลับอ้างคำสั่งศาลเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ก็คิดจะยึดประเทศมาปกครอง ไม่ให้คนอีสานคนเหนือมีส่วนร่วมใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้ง เห็นเขาเป็นเมืองขึ้นอย่างนั้น จะไม่ให้ขู่แยกประเทศได้อย่างไร
“นายกฯ คนกลาง” คือเป้าหมายของ กปปส.และผู้อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังมาแต่ต้น คือรูปแบบรัฐประหารเงียบ โดยไม่ต้องใช้รถถัง ไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ รัฐประหารเงียบจะแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง โดยอ้าง “ปฏิรูป” แท้จริงแล้วต้องการลดอำนาจเลือกตั้งลงอีก โดยมี ส.ส.สาขาอาชีพอย่างที่พูดกัน
กล่าวหาว่าเลือกตั้ง “ซื้อเสียง” ต้องเปลี่ยนมา “เล่นพวก” ถึงจะได้คนดี
แบบนี้ไม่จบหรอกครับ คนกลางที่ไหนมาก็รบกันอยู่ดี คนกลางที่มาจากฝูงชนนอกกติกาและการ “ใช้เส้น” จะเป็นกลางไปได้อย่างไร
คอลัมน์ วันจันทร์ที่ 03 มีนาคม 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
กปปส.ทำเซอร์ไพรส์ ยุบเวทีไปสวนลุมพินีแห่งเดียว ทำให้สันนิษฐานกันต่างๆ นานา เสื้อแดงก็เย้ยว่าคนน้อย หมดท่อน้ำเลี้ยง ฯลฯ ขณะที่กระบอกเสียง กปปส.อ้างว่า ต้องการลดผลกระทบเอกชน
ผีสาง! ชัตดาวน์มา 2 เดือนเพิ่งรู้หรือว่ากระทบเอกชน
เหตุผลสำคัญน่าจะเป็นการปรับยุทธศาสตร์ทางการเมือง สืบเนื่องจากจุดเปลี่ยนใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่ตำรวจ “ขอคืนพื้นที่” แล้วถูกกองกำลังติดอาวุธไล่ยิง คำสั่งศาลแพ่ง ที่มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับอย่างรุนแรง และคนร้ายยิง M79 ใส่ม็อบ มีเด็กตายถึง 4 คน ทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมเรียกร้องให้ “ถอยคนละก้าว” เพื่อ “เจรจา”
กปปส.รู้ดีว่าการจับกรุงเทพฯ เป็นตัวประกัน ขัดขวางเลือกตั้ง ปิดสถานที่ราชการ มีกองกำลังติดอาวุธ ทำให้ภาพลักษณ์ “ม็อบมีเส้น” ติดลบถึงขีดสุด กระทบองค์กรสถาบันต่างๆ ที่ปกป้องอย่างโจ่งแจ้ง และทำให้กระแสการเมืองตีกลับไปเห็นใจรัฐบาล
เมื่อรู้ว่าสังคมบีบให้เจรจา สุเทพ เทือกสุบรรณ จึงชิงขอเจรจายิ่งลักษณ์ ตัว-ตัว ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่เจรจา แต่เป็น “ท้าดีเบต” ขณะเดียวกันก็เลียนแบบ “โจร” จับตัวประกัน ชิงปล่อยตัวประกันจำนวนหนึ่งเพื่อให้ตัวประกันที่เหลือและสังคมมีความรู้สึกที่ดีขึ้น เอาใจช่วยให้เจรจากันสำเร็จ สร้างความได้เปรียบให้ “โจร” ในการเจรจา
ในกรณีนี้ กปปส.มีสื่อกระแสหลัก มีกระแสสังคมที่เอียงข้างอยู่แล้ว พร้อมจะแซ่ซ้องการตัดสินใจเยี่ยง “พระเอก” ทำเป็นลืมความเดือดร้อนและความรุนแรงที่ก่อมาเกือบ 4 เดือน ฟอกกันเสร็จก็หันไปเรียกร้องรัฐบาลให้ “ลดเงื่อนไข” “พบกันครึ่งทาง” ท้ายที่สุด ก็จะเรียกร้อง “นายกฯ คนกลาง” โดยอ้างว่านี่คือหนทางดีที่สุด ไม่มีใครแพ้ ไม่มีใครชนะ คนไทยด้วยกัน อย่ารบราฆ่าฟันกันอีกเลย
ถ้ารัฐบาลไม่ยอม กระแสที่บรรจงสร้างก็จะชี้หน้าว่ารัฐบาลนี่แหละทำให้สังคมฉิบหาย ทำให้คนไทยต้องฆ่ากัน
การสร้างกระแสนี้เดินไปพร้อมกับ ปปช.จะถอดถอนนายกฯ กกต.ยื้อเลือกตั้ง ความเดือดร้อนของประชาชนจากที่รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจเต็ม เช่น ปัญหาชาวนาก็จะรุมเร้า
อันที่จริง กปปส.ยุบเวทีแค่ย่านธุรกิจกลางเมือง แต่ยังปิดสถานที่ราชการอยู่ ม็อบลูกคู่ เช่น พุทธอิสระที่แจ้งวัฒนะไม่ยอมเลิก คปท. กปท. นปป.ก็ยังปิดถนน คปท.เพิ่งเอาเหล็กไปเชื่อมปิดประตูกระทรวงศึกษา 2-3 วันก่อนการ์ดก็ซ้อมวิศวกรกรมชลประทานที่ไม่ยอมหยุดงานเพราะต้องดูแลปัญหาน้ำเค็ม
แต่สุเทพคุยได้ว่าเราหยุดแล้ว รัฐบาลสิยังไม่หยุด สื่อกระแสหลักก็พลอยพยัก หันไปชี้หน้าเสื้อแดงที่ขู่แยกประเทศว่าเป็นกบฏ ทีพวกตัวซึ่งคิดจะล้มรัฐบาลโดยขัดขวางเลือกตั้ง ใช้กำลังข่มขู่คุกคามไปทั่ว กลับอ้างคำสั่งศาลเป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ
ก็คิดจะยึดประเทศมาปกครอง ไม่ให้คนอีสานคนเหนือมีส่วนร่วมใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้ง เห็นเขาเป็นเมืองขึ้นอย่างนั้น จะไม่ให้ขู่แยกประเทศได้อย่างไร
“นายกฯ คนกลาง” คือเป้าหมายของ กปปส.และผู้อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลังมาแต่ต้น คือรูปแบบรัฐประหารเงียบ โดยไม่ต้องใช้รถถัง ไม่ต้องฉีกรัฐธรรมนูญ รัฐประหารเงียบจะแก้รัฐธรรมนูญอีกครั้ง โดยอ้าง “ปฏิรูป” แท้จริงแล้วต้องการลดอำนาจเลือกตั้งลงอีก โดยมี ส.ส.สาขาอาชีพอย่างที่พูดกัน
กล่าวหาว่าเลือกตั้ง “ซื้อเสียง” ต้องเปลี่ยนมา “เล่นพวก” ถึงจะได้คนดี
แบบนี้ไม่จบหรอกครับ คนกลางที่ไหนมาก็รบกันอยู่ดี คนกลางที่มาจากฝูงชนนอกกติกาและการ “ใช้เส้น” จะเป็นกลางไปได้อย่างไร
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น