ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: PTTGCเด่นสุดกลุ่มปตท.
กำไรสวยซื้อ98.50บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
PTTGC เด่นสุดในกลุ่มปตท. โบรกฯ แนะ "ซื้อ" กำหนดราคาพื้นฐาน 98.50 บาท เชื่องบ Q4/56 และปี 2557 จะโดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่น มีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากแผนการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์ยกให้หุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มปตท. โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เลือก PTTGC เป็นหุ้น Top pick มูลค่าพื้นฐาน 98.50 บาท คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/56 และปี 2557 จะโดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่น เนื่องจากสัดส่วน EBITDA กว่า 60% อยู่ในธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ รวมถึงระดับการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากโรงงาน LDPE กลับสู่การผลิตปกติตั้งแต่เดือนก.ย. 56 และการผลิตสารโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากโรงแยกก๊าซแห่งที่ 5 ของ PTT สามารถส่งก๊าซธรรมชาติได้บางส่วนตั้งแต่เดือนต.ค. 56 และมีแผนส่งก๊าซธรรมชาติเต็มที่ตั้งแต่เดือนเม.ย. 57 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ คาดว่าผลประกอบการ PTTGC มีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากแผนการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ อาทิ การร่วมมือ PT Pertamina ของอินโดนีเซีย และ Sinochem ของประเทศจีน
ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุในช่วงที่ผ่านมาว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4 ของ PTTGC จะเติบโตต่อเนื่องจากงวดไตรมาส 3 โดยได้รับผลดีจากการเปิดดำเนินงานของโรงแยกก๊าซ 5 ของ PTT ก่อนกำหนดในช่วงต้นเดือนต.ค. 56 และการเปิดดำเนินงานของโรงงาน LDPE ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย. 56 โดยกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 103 บาท
ก่อนหน้านี้ นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/56 จะมีแนวโน้มทำ EBITDA ที่ไม่รวมผลของสต๊อกน้ำมัน หรือ Adjusted EBITDA เติบโตสูงกว่างวดไตรมาส 3/56 ที่ทำได้รวม 12,619 ล้านบาท หลังจากภาพรวมของกำลังการผลิตบริษัทมีอัตราผลิตสูงขึ้นและไม่มีปัจจัยลบเข้ามากดดันเหมือนงวดไตรมาสก่อน
โดยในไตรมาส 4/56 บริษัทจะมีกำลังการผลิตของโรงโอเลฟินส์ปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบระดับ 90% สูงกว่างวดก่อนหน้าที่ผลิตเพียง 75% ประกอบกับโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 5 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT สามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตได้แล้ว 50% ซึ่งบริษัทจะใช้วัตถุดิบจากโรงแยกก๊าซมาผลิตปิโตรเคมี
ดังนั้น จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของไตรมาส 4/56 ที่ดีขึ้น บริษัทจึงยังคงเป้าหมายทำ EBITDA รวมทั้งปี 2556 เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดปี 2555 ที่มี EBITDA รวม 5.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นในปี 2557 EBITDA จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากงวดปีนี้ ซึ่งมีแรงหนุนจากการพัฒนากำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เบื้องต้นคาดโอเลฟินส์จะเป็นสายธุรกิจที่เติบโตได้ดีในปีหน้า ขณะที่อะโรเมติกส์จะยังทรงตัว ส่วนโรงกลั่นอาจชะลอตัว
“ไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานของบริษัทแบบไม่รวมปัจจัยของสต๊อกน้ำมันจะมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะในไตรมาส 3 เรามีปัจจัยที่ได้รับผลกระทบถึง 3 ประเด็นหลัก เช่น กรณีน้ำมันรั่วไหลลงทะเล กรณีโรงแยกก๊าซที่ 5 ของปตท.ถูกฟ้าผ่า และยังมีกรณีโรงผลิตเม็ดพลาสติก LDPE ที่ต้องหยุดเครื่อง” นายบวร กล่าว
กำไรสวยซื้อ98.50บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2557
ผู้เข้าชม : 4 คน
PTTGC เด่นสุดในกลุ่มปตท. โบรกฯ แนะ "ซื้อ" กำหนดราคาพื้นฐาน 98.50 บาท เชื่องบ Q4/56 และปี 2557 จะโดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่น มีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากแผนการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์ยกให้หุ้นบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC เป็นหุ้นเด่นสุดในกลุ่มปตท. โดยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เลือก PTTGC เป็นหุ้น Top pick มูลค่าพื้นฐาน 98.50 บาท คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 4/56 และปี 2557 จะโดดเด่นสุดในกลุ่มผู้ประกอบการโรงกลั่น เนื่องจากสัดส่วน EBITDA กว่า 60% อยู่ในธุรกิจปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ รวมถึงระดับการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังจากโรงงาน LDPE กลับสู่การผลิตปกติตั้งแต่เดือนก.ย. 56 และการผลิตสารโอเลฟินส์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากโรงแยกก๊าซแห่งที่ 5 ของ PTT สามารถส่งก๊าซธรรมชาติได้บางส่วนตั้งแต่เดือนต.ค. 56 และมีแผนส่งก๊าซธรรมชาติเต็มที่ตั้งแต่เดือนเม.ย. 57 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ คาดว่าผลประกอบการ PTTGC มีโอกาสเติบโตในระยะยาวจากแผนการขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศ อาทิ การร่วมมือ PT Pertamina ของอินโดนีเซีย และ Sinochem ของประเทศจีน
ขณะที่บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุในช่วงที่ผ่านมาว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4 ของ PTTGC จะเติบโตต่อเนื่องจากงวดไตรมาส 3 โดยได้รับผลดีจากการเปิดดำเนินงานของโรงแยกก๊าซ 5 ของ PTT ก่อนกำหนดในช่วงต้นเดือนต.ค. 56 และการเปิดดำเนินงานของโรงงาน LDPE ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนก.ย. 56 โดยกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 103 บาท
ก่อนหน้านี้ นายบวร วงศ์สินอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGC เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/56 จะมีแนวโน้มทำ EBITDA ที่ไม่รวมผลของสต๊อกน้ำมัน หรือ Adjusted EBITDA เติบโตสูงกว่างวดไตรมาส 3/56 ที่ทำได้รวม 12,619 ล้านบาท หลังจากภาพรวมของกำลังการผลิตบริษัทมีอัตราผลิตสูงขึ้นและไม่มีปัจจัยลบเข้ามากดดันเหมือนงวดไตรมาสก่อน
โดยในไตรมาส 4/56 บริษัทจะมีกำลังการผลิตของโรงโอเลฟินส์ปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบระดับ 90% สูงกว่างวดก่อนหน้าที่ผลิตเพียง 75% ประกอบกับโรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 5 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT สามารถกลับมาเดินเครื่องผลิตได้แล้ว 50% ซึ่งบริษัทจะใช้วัตถุดิบจากโรงแยกก๊าซมาผลิตปิโตรเคมี
ดังนั้น จากแนวโน้มผลการดำเนินงานของไตรมาส 4/56 ที่ดีขึ้น บริษัทจึงยังคงเป้าหมายทำ EBITDA รวมทั้งปี 2556 เติบโตขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดปี 2555 ที่มี EBITDA รวม 5.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นในปี 2557 EBITDA จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากงวดปีนี้ ซึ่งมีแรงหนุนจากการพัฒนากำลังการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เบื้องต้นคาดโอเลฟินส์จะเป็นสายธุรกิจที่เติบโตได้ดีในปีหน้า ขณะที่อะโรเมติกส์จะยังทรงตัว ส่วนโรงกลั่นอาจชะลอตัว
“ไตรมาส 4 ผลการดำเนินงานของบริษัทแบบไม่รวมปัจจัยของสต๊อกน้ำมันจะมีแนวโน้มดีขึ้น เพราะในไตรมาส 3 เรามีปัจจัยที่ได้รับผลกระทบถึง 3 ประเด็นหลัก เช่น กรณีน้ำมันรั่วไหลลงทะเล กรณีโรงแยกก๊าซที่ 5 ของปตท.ถูกฟ้าผ่า และยังมีกรณีโรงผลิตเม็ดพลาสติก LDPE ที่ต้องหยุดเครื่อง” นายบวร กล่าว
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น