ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: PTTEPปันผล7.20บาท
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 09 มกราคม 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
PTTEP มีลุ้นปันผลไม่ต่ำกว่า 7.20 บาท โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” เชื่อพื้นฐานแกร่ง ราคาเป้าหมาย 200 บาท ส่วนปีนี้กำไร 71,000 ล้านบาท ยอดขายปิโตรเลียมพุ่ง 3.3 แสนบาร์เรลต่อวัน
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำซื้อหุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 200 บาท เชื่อจ่ายปันผล 7.20 บาท หรือเท่ากับ 4.7% มั่นใจการขยายตัวของยอดขายปิโตรเลียม เป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปี 2557 เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มพลังงาน
ส่วนกรณี PTTEP ประเมินยอดขายปิโตรเลียมงวดปี 2557 ไว้เท่ากับ 337,000 บาร์เรลต่อวัน สูงกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิเคราะห์เล็กน้อยที่ 330,000 บาร์เรลต่อวัน โดยได้แรงหนุนจากระดับการผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของโครงการมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย ที่ถือหุ้นอยู่ 100% เต็มทั้งปีที่ระดับ 25,000 บาร์เรลต่อวัน จากการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติโครงการซอติก้าในประเทศพม่าที่ถือหุ้น 80% กำลังการผลิต 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2557
อีกทั้งเริ่มรับรู้ระดับการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการ Natuna Sea A ประเทศอินโดนีเซีย (ซื้อต่อจาก HESS Corporation เมื่อช่วงเดือนธ.ค. 2556 ที่ผ่านมา) ถือหุ้น 11.5% กำลังการผลิต 220 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
สำหรับยอดขายปี 2558 บริษัทคาดไว้ 354,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ส่วนฝ่ายวิเคราะห์ประเมินยอดขายที่ 350,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากการผลิตของโครงการซอติก้าเต็มทั้งปี และการเริ่มน้ำมันดิบของโครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี ถือหุ้น 35% กำลังการผลิต 20,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่ปลายปี 2557
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิงวดปี 2557 ของ PTTEP จะเติบโตโดดเด่นเป็น 7.14 หมื่นล้านบาท มากกว่างวดปี 2556 ที่คาดกำไรสุทธิ 6.32 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่สูงขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยทรงตัวที่ระดับ 66 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่รวมผลการดำเนินงานโครงการ Natuna Sea A และ Pangkah ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงความเป็นไปได้ในการซื้อแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย (แหล่งไพลินและสินภูฮ่อม) จาก HESS Corporation ถึงแม้งบรายจ่ายลงทุนของ PTTEP อยู่ระดับสูงต่อเนื่องในอนาคต แต่คาดว่าความสามารถในการทำกำไรยังมีแนวโน้มทรงตัว
เนื่องจากรายได้ที่ขยายตัวตามยอดขายปิโตรเลียมจากแผนการเร่งเพิ่มปริมาณการผลิตจากแหล่งในประเทศและทวีปเอเชีย รวมถึงระดับราคาขายก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ผันผวนลดลงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ทำให้คาดการณ์ EBITDA margin จะมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงที่ 70% เทียบค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่จำนวน 70% และเทียบย้อนหลัง 10 ปี ที่ระดับ 71%
โดย PTTEP ตั้งงบรายจ่ายลงทุนงวด 5 ปี (2557-2561) ไว้เท่ากับ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากประมาณการงวด 5 ปี ครั้งก่อน (2556-2560) จำนวน 19% พร้อมตั้งงบรายจ่ายดำเนินงานไว้เท่าเดิมที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ งบรายจ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนโครงการโมซัมบิก ทวีปแอฟริกา ผ่านบริษัท Cove Energy ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% (คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2561-2562) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศไทย โดยตั้งงบรายจ่ายลงทุนสูงถึง 49% ของทั้งหมด รองมาเป็นประเทศพม่าและทวีปเอเชียรวม 21% ประเทศแคนาดาและทวีปอเมริกาเหนือ รวม 16% ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา รวม 13%
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 09 มกราคม 2557
ผู้เข้าชม : 5 คน
PTTEP มีลุ้นปันผลไม่ต่ำกว่า 7.20 บาท โบรกเกอร์เชียร์ “ซื้อ” เชื่อพื้นฐานแกร่ง ราคาเป้าหมาย 200 บาท ส่วนปีนี้กำไร 71,000 ล้านบาท ยอดขายปิโตรเลียมพุ่ง 3.3 แสนบาร์เรลต่อวัน
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำซื้อหุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ประเมินมูลค่าพื้นฐาน 200 บาท เชื่อจ่ายปันผล 7.20 บาท หรือเท่ากับ 4.7% มั่นใจการขยายตัวของยอดขายปิโตรเลียม เป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปี 2557 เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มพลังงาน
ส่วนกรณี PTTEP ประเมินยอดขายปิโตรเลียมงวดปี 2557 ไว้เท่ากับ 337,000 บาร์เรลต่อวัน สูงกว่าสมมติฐานของฝ่ายวิเคราะห์เล็กน้อยที่ 330,000 บาร์เรลต่อวัน โดยได้แรงหนุนจากระดับการผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทของโครงการมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย ที่ถือหุ้นอยู่ 100% เต็มทั้งปีที่ระดับ 25,000 บาร์เรลต่อวัน จากการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติโครงการซอติก้าในประเทศพม่าที่ถือหุ้น 80% กำลังการผลิต 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 1 ปี 2557
อีกทั้งเริ่มรับรู้ระดับการผลิตก๊าซธรรมชาติจากโครงการ Natuna Sea A ประเทศอินโดนีเซีย (ซื้อต่อจาก HESS Corporation เมื่อช่วงเดือนธ.ค. 2556 ที่ผ่านมา) ถือหุ้น 11.5% กำลังการผลิต 220 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน
สำหรับยอดขายปี 2558 บริษัทคาดไว้ 354,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ส่วนฝ่ายวิเคราะห์ประเมินยอดขายที่ 350,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นผลจากการผลิตของโครงการซอติก้าเต็มทั้งปี และการเริ่มน้ำมันดิบของโครงการแอลจีเรีย 433 เอ และ 416 บี ถือหุ้น 35% กำลังการผลิต 20,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่ปลายปี 2557
นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิงวดปี 2557 ของ PTTEP จะเติบโตโดดเด่นเป็น 7.14 หมื่นล้านบาท มากกว่างวดปี 2556 ที่คาดกำไรสุทธิ 6.32 หมื่นล้านบาท โดยเป็นผลมาจากยอดขายที่สูงขึ้น 13% เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยทรงตัวที่ระดับ 66 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ยังไม่รวมผลการดำเนินงานโครงการ Natuna Sea A และ Pangkah ในประเทศอินโดนีเซีย รวมถึงความเป็นไปได้ในการซื้อแหล่งปิโตรเลียมในประเทศไทย (แหล่งไพลินและสินภูฮ่อม) จาก HESS Corporation ถึงแม้งบรายจ่ายลงทุนของ PTTEP อยู่ระดับสูงต่อเนื่องในอนาคต แต่คาดว่าความสามารถในการทำกำไรยังมีแนวโน้มทรงตัว
เนื่องจากรายได้ที่ขยายตัวตามยอดขายปิโตรเลียมจากแผนการเร่งเพิ่มปริมาณการผลิตจากแหล่งในประเทศและทวีปเอเชีย รวมถึงระดับราคาขายก๊าซธรรมชาติและน้ำมันดิบที่ผันผวนลดลงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว ทำให้คาดการณ์ EBITDA margin จะมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงที่ 70% เทียบค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่จำนวน 70% และเทียบย้อนหลัง 10 ปี ที่ระดับ 71%
โดย PTTEP ตั้งงบรายจ่ายลงทุนงวด 5 ปี (2557-2561) ไว้เท่ากับ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากประมาณการงวด 5 ปี ครั้งก่อน (2556-2560) จำนวน 19% พร้อมตั้งงบรายจ่ายดำเนินงานไว้เท่าเดิมที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ งบรายจ่ายลงทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นเงินลงทุนโครงการโมซัมบิก ทวีปแอฟริกา ผ่านบริษัท Cove Energy ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% (คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ปี 2561-2562) เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสการเติบโตในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงให้น้ำหนักการลงทุนส่วนใหญ่ในประเทศไทย โดยตั้งงบรายจ่ายลงทุนสูงถึง 49% ของทั้งหมด รองมาเป็นประเทศพม่าและทวีปเอเชียรวม 21% ประเทศแคนาดาและทวีปอเมริกาเหนือ รวม 16% ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา รวม 13%
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น