ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: KTBลุ้นจ่ายปันผล1บาท
หุ้นTMBมีอัพไซด์เพียบ
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 09 มกราคม 2557
ผู้เข้าชม : 8 คน
KTB-TMB 2 หุ้นแลกการ์ด และมีอัพไซด์มากที่สุดในกลุ่มแบงก์ KTB มีดีไตรมาส 4/56 กำไรเติบโต 651% ไม่กังวลตั้งสำรอง แถมมีปันผลอีก 1 บาท ส่วนTMB กำไรปี 57 พุ่งเกิน 36% มากกว่าอุตสาหกรรม ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาร่วงหนัก 25% ราคาหุ้นตอนนี้มีอัพไซด์เพียบ
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาทิ หุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ราคาหุ้นปรับตัว underperform หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยหุ้น KTB ปรับตัว -1.8% และหุ้นธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ปรับตัว -3.4%
ขณะที่หุ้นธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ปรับตัว +3.8% หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือSCB ปรับตัว +0.35% และหุ้นธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือBBL ทรงตัวเมื่อเทียบกับราคาสิ้นปี 2556 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SET BANK) ทั้งหมดปรับตัว +0.10% ดังนั้น จึงคาดว่าหุ้น second tier ที่ยังขึ้นน้อย จะมีทิศทางไต่ระดับขึ้นเป็นลำดับถัดมา
สำหรับหุ้น KTB ในไตรมาส 4/56 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 6,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +651% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 55 เนื่องจากจะมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการปิดกองทุนวายุภักษ์ประมาณ 3 พันล้านบาท ดังนั้น แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/56 จะมีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อเพิ่มระดับ coverage ratio แต่จะไม่ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 4/56 ลดลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์เงินปันผลปี 2556 จะอยู่ที่ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6.2% รวมทั้งราคาหุ้นมี downside risk ที่จำกัด เพราะซื้อขายระดับ PBV 2557 เพียง 1.02 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.2 เท่า และค่าเฉลี่ยของ 3 ธนาคารใหญ่ที่ 1.5 เท่า สำหรับผลประกอบการปี 2557 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบกับปี 2556 เป็น 35,968 ล้านบาท เทียบกับหุ้น BBL, KBANK และ SCB ที่เติบโต 8.3%, 9.5% และ 10.6% ตามลำดับ
ขณะที่หุ้น TMB ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/56 ยังแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/56 และพลิกกลับจากขาดทุน 1.64 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/55 ขณะที่ปี 2557 แผนธุรกิจจะมุ่งเน้นการปล่อยกู้สินเชื่อ SMEs ระยะสั้นที่มี NIM ในอัตราสูง และเชื่อว่า Cost to income Ratio จะลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านพ้นจากการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายในปี 2556 แล้ว และเริ่มเห็นผลชัดเจนจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2/56 ที่ผ่านมา
ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโตถึง 36.4% เมื่อเทียบกับปี 55 เป็น 7,998 ล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 21%
อย่างไรก็ตาม หุ้น TMB ปรับตัวลดลง -25.9% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET BANK -12.2% ส่งผลให้ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่า 2 บาท และเชื่อว่ามี Downside ที่จำกัดแล้ว และเป็นโอกาสทั้งการทยอยสะสมหรือซื้อเก็งกำไร เพื่อคาดหวังการดีดกลับ โดยคาดว่าหากสถานการณ์การเมืองกลับมามีเสถียรภาพราคาหุ้นจะกลับมาซื้อขายระดับ Premium จากประเด็น M&A ได้อีกครั้ง
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แม้คาดกำไรไตรมาส 4/56 ของ TMB จะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/56 แต่ลุ้นปี 2557 ฟื้นตัวแรง โดยกำไรที่อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนมีสาเหตุจากการบันทึกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วงปลายปี แต่เห็นการเติบโตของสินเชื่อได้ดีจากการเบิกใช้สินเชื่อหมุนเวียนของธุรกิจขนาดใหญ่
ขณะที่อาจเห็น NIM ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากสัดส่วนของสินเชื่อที่เปลี่ยนไปด้วย ทั้งนี้ อาจไม่เห็นการตั้งสำรองพิเศษจากระดับสำรองปัจจุบันที่เชื่อว่าพอเพียงเทียบเคียงกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ปรับเป้ากำไรปี 2556 ลง 8% แต่มองว่าปี 2557 มีโอกาสที่กำไรจะฟื้นตัวแรงกว่า 30% และ ROE ในระยะยาวยังมีศักยภาพที่เพิ่มขึ้น เราแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.50 บาท
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นของ TMB ในปัจจุบันยังน่าสนใจน้อยกว่าธนาคารอื่นๆ เช่น KBANK หรือ SCB ซึ่งมี ROE ที่สูงกว่า และมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากกว่า
หุ้นTMBมีอัพไซด์เพียบ
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพฤหัสบดีที่ 09 มกราคม 2557
ผู้เข้าชม : 8 คน
KTB-TMB 2 หุ้นแลกการ์ด และมีอัพไซด์มากที่สุดในกลุ่มแบงก์ KTB มีดีไตรมาส 4/56 กำไรเติบโต 651% ไม่กังวลตั้งสำรอง แถมมีปันผลอีก 1 บาท ส่วนTMB กำไรปี 57 พุ่งเกิน 36% มากกว่าอุตสาหกรรม ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาราคาร่วงหนัก 25% ราคาหุ้นตอนนี้มีอัพไซด์เพียบ
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่าแนะนำซื้อเก็งกำไรหุ้นที่ยังปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่ม โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ อาทิ หุ้นธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB ราคาหุ้นปรับตัว underperform หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยหุ้น KTB ปรับตัว -1.8% และหุ้นธนาคาร ทหารไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TMB ปรับตัว -3.4%
ขณะที่หุ้นธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ปรับตัว +3.8% หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือSCB ปรับตัว +0.35% และหุ้นธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือBBL ทรงตัวเมื่อเทียบกับราคาสิ้นปี 2556 ที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (SET BANK) ทั้งหมดปรับตัว +0.10% ดังนั้น จึงคาดว่าหุ้น second tier ที่ยังขึ้นน้อย จะมีทิศทางไต่ระดับขึ้นเป็นลำดับถัดมา
สำหรับหุ้น KTB ในไตรมาส 4/56 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิเติบโตสูงถึง 6,501 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +651% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 55 เนื่องจากจะมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการปิดกองทุนวายุภักษ์ประมาณ 3 พันล้านบาท ดังนั้น แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/56 จะมีการตั้งสำรองพิเศษเพื่อเพิ่มระดับ coverage ratio แต่จะไม่ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 4/56 ลดลงมาก เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เหมือนทุกปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม คาดการณ์เงินปันผลปี 2556 จะอยู่ที่ 1 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 6.2% รวมทั้งราคาหุ้นมี downside risk ที่จำกัด เพราะซื้อขายระดับ PBV 2557 เพียง 1.02 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่ 1.2 เท่า และค่าเฉลี่ยของ 3 ธนาคารใหญ่ที่ 1.5 เท่า สำหรับผลประกอบการปี 2557 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 18.4% เมื่อเทียบกับปี 2556 เป็น 35,968 ล้านบาท เทียบกับหุ้น BBL, KBANK และ SCB ที่เติบโต 8.3%, 9.5% และ 10.6% ตามลำดับ
ขณะที่หุ้น TMB ทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/56 ยังแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์กำไรสุทธิที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/56 และพลิกกลับจากขาดทุน 1.64 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/55 ขณะที่ปี 2557 แผนธุรกิจจะมุ่งเน้นการปล่อยกู้สินเชื่อ SMEs ระยะสั้นที่มี NIM ในอัตราสูง และเชื่อว่า Cost to income Ratio จะลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังผ่านพ้นจากการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายในปี 2556 แล้ว และเริ่มเห็นผลชัดเจนจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2/56 ที่ผ่านมา
ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่ากำไรสุทธิปี 2557 จะเติบโตถึง 36.4% เมื่อเทียบกับปี 55 เป็น 7,998 ล้านบาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 21%
อย่างไรก็ตาม หุ้น TMB ปรับตัวลดลง -25.9% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เทียบกับ SET BANK -12.2% ส่งผลให้ราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่า 2 บาท และเชื่อว่ามี Downside ที่จำกัดแล้ว และเป็นโอกาสทั้งการทยอยสะสมหรือซื้อเก็งกำไร เพื่อคาดหวังการดีดกลับ โดยคาดว่าหากสถานการณ์การเมืองกลับมามีเสถียรภาพราคาหุ้นจะกลับมาซื้อขายระดับ Premium จากประเด็น M&A ได้อีกครั้ง
บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แม้คาดกำไรไตรมาส 4/56 ของ TMB จะอ่อนตัวจากไตรมาส 3/56 แต่ลุ้นปี 2557 ฟื้นตัวแรง โดยกำไรที่อ่อนตัวจากไตรมาสก่อนมีสาเหตุจากการบันทึกค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในช่วงปลายปี แต่เห็นการเติบโตของสินเชื่อได้ดีจากการเบิกใช้สินเชื่อหมุนเวียนของธุรกิจขนาดใหญ่
ขณะที่อาจเห็น NIM ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากสัดส่วนของสินเชื่อที่เปลี่ยนไปด้วย ทั้งนี้ อาจไม่เห็นการตั้งสำรองพิเศษจากระดับสำรองปัจจุบันที่เชื่อว่าพอเพียงเทียบเคียงกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ปรับเป้ากำไรปี 2556 ลง 8% แต่มองว่าปี 2557 มีโอกาสที่กำไรจะฟื้นตัวแรงกว่า 30% และ ROE ในระยะยาวยังมีศักยภาพที่เพิ่มขึ้น เราแนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ให้ราคาเป้าหมายที่ 2.50 บาท
อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้นของ TMB ในปัจจุบันยังน่าสนใจน้อยกว่าธนาคารอื่นๆ เช่น KBANK หรือ SCB ซึ่งมี ROE ที่สูงกว่า และมีความแข็งแกร่งทางการเงินมากกว่า
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น