Banking sector profit down

แบงก์ไตรมาสแรกกำไรวูบ

2015-03-23 12:23:00

ผู้เข้าชม : 6

---

:เหตุสินเชื่อหดตัว ลุ้นรัฐเร่งโครงการลงทุน

กลุ่มธนาคารกำไรไตรมาส 1/58 จะออกมาหดตัว หลังสินเชื่อปล่อยไม่ออก ส่วนโครงการภาครัฐยังเดินหน้าไม่เต็มที่ แต่ยังคงแนะแบงก์ขนาดใหญ่ ส่วนเช่าซื้อฟื้นกลางปี

นายกวี  ชูกิจเกษม รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า สินเชื่อในช่วง 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) ยังไม่ขยายตัวเท่าที่ควร เศรษฐกิจก็ยังไม่ดีเติบโตต่ำลง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรในไตรมาส 1/58 โดยจะเพิ่มขึ้นหากเทียบไตรมาสก่อนหน้า แต่หากเทียบปีก่อนหน้าจะลดลงซึ่งทำให้ทั้งปีกำไรจะเติบโตขึ้น 4% และนับเป็นปีที่กำไร และสินเชื่อเติบโตน้อยสุด

"ปีนี้กำไรไม่หวือหวา เศรษฐกิจไม่เอื้อ สินเชื่อก็หดตัวลุ้นรัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบ ลงทุนเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวซึ่งเชื่อว่าโครงการต่างๆ จะเดินหน้า และส่งผลดีต่อกลุ่มแบงก์เห็นจะเป็นปีหน้าที่กำไร และสินเชื่อจะเติบโตก้าวกระโดด"

สำหรับราคาหุ้นกลุ่มแบงก์นั้นในขณะนี้ถือว่าไม่แพงแต่ก็ไม่ได้ถูกเมื่อเทียบกับราคาหุ้นกลุ่มอื่น โดยหากจะลงทุนแนะนำหุ้นแบงก์ใหญ่ไปก่อนส่วนหุ้นแบงก์ขนากกลางและขนาดเล็กยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควรถึงแม้ว่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วซึ่งยังเชื่อว่าสินเชื่อเช่าซื้อจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป

“ช่วงนี้หุ้นที่เกี่ยวกับพลังงาน ขนส่ง ท่องเที่ยว ไอซีที รับเหมานิคมฯ ได้ประโยชน์ในช่วงนี้ส่วนหุ้นกลุ่มแบงก์นั้นยังแนะนำแบงก์ขนาดใหญ่ไปก่อน"

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นปี 58 ในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,650 จุดส่วนครึ่งปีหลังมองที่ 1,750 จุด โดยวอลุ่มจะอยู่ที่ 4.7-4.8 หมื่นล้านซึ่งการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน (EPS) ในปีนี้จะอยู่ที่ 0-5% เท่านั้น โดยแนวโน้มตลาดหุ้นไทยจะยังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยบวกทั้งการลงทุนภาครัฐในประเทศ

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อสังหาฯ  และขนส่ง  ซึ่งจะได้ประโยชน์จากการลงทุนในประเทศ และเม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่จะไหลเข้ามา ส่วนครึ่งปีหลังเน้นลงทุนตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และยุโรป

ทั้งนี้ บล.กสิกรไทยได้ออกบทวิเคราะห์ คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (23-27 มี.ค.) ว่า ดัชนีมีแนวต้าน 1,568 จุดและ 1,584 จุด ตามลำดับ ขณะที่แนวรับอยู่ที่ 1,512 จุด และ 1,490 จุดโดยปัจจัยภายในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานข้อมูลการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ได้แก่ การเจรจาระหว่างกรีซและเจ้าหนี้ใน EU Summit รวมทั้งรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน จีดีพีไตรมาส 4/57 (รอบสุดท้าย)และความเชื่อมั่นผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ยังต้องจับตาการรายงานข้อมูล PMI ของประเทศในยูโรโซน จีน และญี่ป่น

ดัชนีในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (16-20 มี.ค.) ขยับลงจากความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยดัชนีปิดระดับ 1,529.96 จุด ลดลง 0.75% จากสัปดาห์ก่อนมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันลดลง 6.96% จากสัปดาห์ก่อนมาที่ 42,777.26 ล้านบาทส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai  ปิดที่ 719.27จุด ลดลง 5.65% จากสัปดาห์ก่อน

ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วงต้นสัปดาห์ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อนที่จะขยับขึ้นในวันช่วงกลางสัปดาห์โดยได้แรงหนุนจากการซื้อเก็งกำไรข่าวที่ทางการจะเปิดประมูล 4จี ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้รวมทั้งการส่งสัญญาณของเฟดที่จะไม่เร่งรีบในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยร่วงลงอีกครั้งในวันศุกร์ที่ผ่านมา จากการลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกที่กดดันราคาหุ้นกลุ่มพลังงานขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทยได้มีการปรับลดจีดีพีปี 2558 ลงจาก 4.0% สู่ 3.8%

---