GPSCกำไรปี58 ลุ้นพุ่ง1.9พันล. ปันผลอีก40สต.
2016-01-20
“GPSC” จับตางบปี 58 กำไรดีเกินคาดเฉียด 1,900 ล้านบาท หนุนจ่ายปันผลครึ่งหลังอีก 40 สตางค์ โบรกฯ สั่งอัพเกรดเป็น “ซื้อ” พื้นฐานแกร่ง-รับมือภาวะตลาดผันผวนดี ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท อัพไซด์เพียบ 36%
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” หุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC กำหนดราคาเป้าหมาย 30.50 บาท พร้อมกับประเมินงบปี 2558 จะมีโอกาสทำกำไรได้ใกล้เคียง 1,900 ล้านบาท สูงกว่าที่คาดไว้ระดับ 1,745 ล้านบาท
อีกทั้งหุ้น GPSC ยังมีความน่าสนใจจากความที่เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการ Defensive ที่มาพร้อมการเติบโตของกำลังการผลิตสูง ประกอบกับราคาหุ้นที่ลดต่ำกว่าราคา IPO ที่ 27 บาท ซื้อขายด้วย P/BV เพียง 0.86 เท่า จึงเปิดโอกาสสะสมสำหรับลงทุนระยะยาว
ทั้งนี้ ประเมินเบื้องต้นผลประกอบการไตรมาส 4/58 ของ GPSC ที่ประมาณ 300 ล้านบาท และส่งผลให้กำไรปี 2558 มีโอกาสทำได้ใกล้ 1,900 ล้านบาท ดีกว่าคาดที่ 1,745 ล้านบาท พร้อมกับเติบโตขึ้นจากงวดปี 2557 ที่ได้กำไรสุทธิ 1,581 ล้านบาท และอาจส่งผลให้ GPSC จ่ายเงินปันผลครึ่งหลังของปี 2558 ได้ 0.40 บาทต่อหุ้น คิดเป็นผลตอบแทน 1.8% เมื่อรวมที่จ่ายไปแล้ว 0.35 ในครึ่งแรกปี 2558 เงินปันผลงวดทั้งปีจะอยู่ที่ 0.75 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 3.4%
นักวิเคราะห์กล่าวอีกว่า ราคาหุ้น GPSC ได้ปรับตัวลงมากกว่า 10% หลังจากฝ่ายวิเคราะห์ออกรายงานวันที่ 24 พ.ย. 2558 ให้เพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากราคาหุ้นปรับขึ้นแรงด้วยปัจจัยพื้นฐานขณะนั้นคงเดิม อย่างไรก็ตามในปี 2559 ที่ผ่านมา GPSC กลับเป็นหุ้นแลกการ์ดเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่อยู่ในกลุ่มที่มีการเติบโตของกำลังการผลิตในช่วงปี 2558-2562 สูง ได้แก่ EGCO และ CKP
อีกทั้งหุ้น GPSC ยังมีความน่าสนใจในช่วงตลาดมีความผันผวนสูง จากจุดเด่นผลประกอบการที่ผันผวนต่ำ ผลประกอบการปี 2558 มีโอกาสทำได้ดีกว่าประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์ ทำให้เงินปันผลของปี 2558 จะมีโอกาสจ่ายสูงกว่าคาดที่ไว้ระดับ 0.65 บาท
นอกจากนี้ กำไรยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในปี 4 ปีข้างหน้าตามการเปิดผลิตของโครงการในมือ ซึ่ง GPSC เป็นหุ้นที่ฝ่ายวิเคราะห์ชอบถัดจาก EGCO จากอัพไซด์ที่เพิ่มขึ้นหลังราคาหุ้นปรับตัวลดจากราคา IPO จึงปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิมกำหนด Trading Buy
อีกทั้ง GPSC ยังรออัพไซด์จากโครงการในพม่าและอินโดนีเซีย ซึ่งทางบริษัทยังอยู่ระหว่างรอผลการจากรัฐบาลพม่าในการลงทุนโรงไฟฟ้า 3 โครงการ และการ M&A 2-3 รายการที่อาจเป็นอัพไซด์ต่อผลประกอบการในระยะยาว นอกเหนือจากโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันที่จะทยอยสร้างการเติบโต
ขณะที่ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น GPSC ล่าสุดในวานนี้ (19 ม.ค.) ปิดการซื้อขายอยู่ที่ระดับ 22.40 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือคิดเป็น 1.36% เมื่อเทียบกับราคาปิดก่อนหน้า โดยราคาล่าสุดที่ 22.40 บาท เท่ากับมีอัพไซด์หุ้นรวม 36% เมื่อเทียบราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์กำหนดไว้ 30.50 บาท
:ปี 62 กำลังผลิตพุ่ง 2,451 MW
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ขณะนี้ได้กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น GPSC ให้ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท ประเมินกำไรสุทธิปี 2558 จะทำได้ระดับ 1,848 ล้านบาท และงวดปี 2559 จะมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นอยู่ระดับ 2,095 ล้านบาท
ทั้งนี้ GPSC อยู่ในระหว่างเจรจาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศพม่าจำนวน 3 โครงการประกอบ ได้แก่ 1.โครงการโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด 400 MW ที่เมือง Thanlyin อยู่ระหว่างการเจรจา MOA 2.โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,500 MW ที่เมืองมะริด อยู่ระหว่างการเจรจา MOA 3.โครงการโรงไฟฟ้ากังหันก๊าซขนาด 500 MW ที่เมือง Kyaiklat อยู่ระหว่างจัดทำ MOA ซึ่งมองว่า GPSC มีความได้เปรียบกว่าผู้ประกอบการรายอื่น เนื่องจากมีกลุ่ม PTT ที่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และมีการลงทุนในพม่ามานาน
สำหรับ GPSC ตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 2,451 MW ในปี 2562 จากปัจจุบันที่ระดับ 1,315 MW แบ่งออกเป็นโครงการที่มีสัญญาซื้อขายไฟแล้วและอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างจำนวน 602 MW ได้แก่ 1.โรงไฟฟ้า IRPC clean power กำลังการผลิตรวม 240 MW (GPSC ถือหุ้น 51%) ส่วนเฟส 2 มีกำหนดการจ่ายไฟในปี 2560
2.โรงไฟฟ้านวนคร (NNEG) กำลังการผลิต 125 MW (GPSC ถือหุ้น 30%) คาดจะเริ่มผลิตได้ในช่วงไตรมาส 3/59 3.โรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำลิก 1 ในประเทศลาว กำลังการผลิต 65 MW (GPSC ถือหุ้น 40%) คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 2560 4.โครงการโรงไฟฟ้าและไอน้ำ CUP-4 ในโครงการเขตอุตสาหกรรมเชิงนิเวศของ PTT ที่จังหวัดระยอง กำลังการผลิต 45 MW 5.โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่น (ISP1) ขนาดกำลังผลิต 20.8 MW คาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 2561 และ 6.โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในประเทศลาว กำลังการผลิต 1,285 MW (GPSC ถือหุ้นทางอ้อม 25%) ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างคาดจะเริ่มผลิตได้ในปี 2562
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น