วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2559

ได้เวลาซื้อหุ้นหรือยัง?

พระศุกร์กำลังเข้าและพระเสาร์กำลังแทรกวอลล์สตรีทอีกครั้ง  ความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลงอย่างรุนแรงได้ทำให้มูลค่าในตลาดหุ้นหายไปแล้ว 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2559 และหุ้นสหรัฐเริ่มต้นปีเลวร้ายสุดเท่าที่เคยมี จึงมีคนส่วนหนึ่งกลัวว่าตลาดจะเข้าสู่ภาวะหมีหรือเลวร้ายลงอีก
จอร์จ โซรอส ออกมาเตือนว่า สถานการณ์ในขณะนี้ชวนให้นึกถึงจุดเริ่มต้นของวิกฤติการเงินโลกเมื่อปี 2551 มาก  ขณะเดียวกัน รอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ระบุว่า สถานการณ์น่าจะลุกลามเหมือนไฟป่าและแนะนำให้นักลงทุนขายทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะเป็นปีแห่งกลียุค
ดูเหมือนว่ายังไม่พอแค่นั้น น้ำมันซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ล่มสลายลงไปอยู่ในระดับต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในสัปดาห์นี้  ทำให้อย่างน้อย มีธนาคารหนึ่งที่กำลังคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันอาจจะดิ่งลงไปถึง 10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ที่ปรึกษาทางการเงินที่อินเวสเตอร์ อินเทลลิเจนซ์ สำรวจความเห็นมามีความเชื่อมั่นไม่ถึง 29% จากที่มีเกือบ 50% เมื่อปลายเดือนตุลาคม ในขณะเดียวกัน ดัชนีความกลัวและความโลภของซีเอ็นเอ็นมันนี่ ซึ่งวัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนด้วยมาตรการ 7 อย่าง กำลังชี้ให้เห็นว่า “มีความกลัวมากเป็นพิเศษ” ซึ่งเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากสองสัปดาห์ก่อน ซึ่งดัชนีอยู่ในเกณฑ์ ”ปานกลาง”
นักลงทุนกำลังขาดความเชื่อมั่นมากขึ้นโดยเพิ่มเป็น 36% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าระดับสูงสุดในรอบหลายปีเมื่อปลายเดือนกันยายนซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่ตลาดหุ้นมีความตื่นตระหนกอันเนื่องมาจากจีน
เจมส์ ฟลานาแกน ที่ปรึกษาด้านการเงินในลอสแองเจลิส ได้บอกให้ลูกค้าออกจากการลงทุนหุ้นทั้งหมด
อย่างไรก็ดี มีเหตุผลที่นักลงทุนไม่ต้องตื่นตระหนกคือ ครั้งสุดท้ายที่คนเกลียดหุ้นมากแบบนี้ ได้กลายเป็นเวลาที่ดีในการซื้อ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การขาดความเชื่อมั่นอาจเป็นสัญญาณที่มีประโยชน์ 
ตัวอย่างเช่น  อินเวสเตอร์ อินเทลลิเจนซ์พบว่า ที่ปรึกษาการเงินเพียง 25% เท่านั้นที่มีความเชื่อมั่นในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน  แต่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น 12% ระหว่างวันที่ 28 กันยายนถึง 3พฤศจิกายน เนื่องจากนักลงทุนตระหนักว่าลูกตุ้มได้แกว่งตัวในทิศทางที่ติดลบไกลเกินไป               
เอ็ด ยาร์เดนี่ ประธานบริษัท ยาร์เดนี รีเสิร์ช กล่าวว่า การอ่านค่าที่ขาดความเชื่อมั่นเช่นนั้นมักเป็นการตั้งเวทีเพื่อการดีดตัวด้วยความโล่งใจ
ไม่มีอะไรรับประกันว่าจะเกิดการรีบาวด์ในเร็วๆ นี้  และตลาดหุ้นกระทิงไม่สามารถเป็นเช่นนั้นต่อไปหลังจากนั้น  อย่างไรก็ดี ยาเดนียังคงคิดว่าอาจจะมีแรงเทขายมากเกินไป และไม่มั่นใจว่า แนวโน้มพื้นฐานของกำไรได้ถดถอยลงมากเมื่อมีการโจมตีอย่างตื่นตระหนกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ดูเหมือนว่า แคปิตอล อีโคโนมิคส์ จะเห็นพ้องกับแนวคิดนั้น โดยตั้งข้อสังเกตว่า ตลาดภาวะหมีมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่เกิดภาวะถดถอย ในขณะที่การเติบโตน่าจะลดลงในช่วงไตรมาสสี่ เศรษฐกิจสหรัฐยังคงดูเหมือนว่ามีสุขภาพดี
แค่ดูจากรายงานการจ้างงานอันแข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก็ชี้ว่า สหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มเกือบ 300,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม      นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแคปิตอล อีโคโนมิคส์จึงยังคงคาดการณ์ว่า ดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะปิดท้ายปี 2559 ที่ระดับ 2,200 จุด หรือสูงกว่าระดับปิดของเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา 13%
มอร์แกน สแตนเลย์ก็เช่นกัน โดยไม่เพียงแต่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจฟื้นตัวไปจนถึงปี 2563 แต่กำลังบอกนักลงทุนให้ ”ใจเย็นและเดินหน้าต่อไป”
อดัม พาร์คเกอร์ หัวหน้านักกลยุทธ์หุ้นสหรัฐคิดว่า การคาดการณ์ที่ลดลงสำหรับฤดูแถลงผลประกอบการที่กำลังเริ่มต้นขึ้นจะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่สำคัญที่จะทำให้ความหวาดกลัวสงบลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น