AOTอัพเป้าใหม่420บาท
กำไรปีนี้ทะลุ1.9หมื่นล.
2016-01-08
AOT อัพราคาเป้าหมาย 420 บาท โบรกฯ สั่งเพิ่มกำไรปี 59 โตทะลุ 19,000 ล้านบาท การันตีพื้นฐานแกร่ง เชียร์ “ซื้อ” เต็มกำลัง ชี้กำไรเติบโตต่อเนื่อง ตุนเงินสดในมือแน่นกว่า 4 หมื่นล้านบาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ขึ้นเป็น 420 บาท จากเดิม 350 บาท และปรับเพิ่มกำไรปี 2559-2561 อีก จำนวน 4-8% พร้อมกับกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ”
โดยประเมินรายได้ของ AOT ในปี 2559 (ต.ค. 2558-ก.ย. 2559) จะอยู่ที่ระดับ 49,076 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19,235 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดปี 2558 ที่มีรายได้ 43,969 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 18,729 ล้านบาท และงวดปี 2560 รายได้จะเติบโตเป็น 53,835 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 22,065 ล้านบาท
สำหรับอัตราการเติบโต EBITDA ของ AOT เฉลี่ยต่อปีที่ 17% ในปี 2554-2558 ได้แรงหนุนจากการเติบโตของผู้โดยสารเฉลี่ย 13% ต่อปี การเปิดอาคารผู้โดยสารที่ 1 ของสนามบินดอนเมืองอีกครั้ง และการประหยัดจากขนาดที่เพิ่มขึ้น แม้คาดผู้โดยสารจะเติบโตเฉลี่ยที่ 8% ต่อปีในปี 2559-2564
นอกจากนี้ คาด EBITDA จะเติบโตเฉลี่ยที่ 12% ต่อปี โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับการบิน เนื่องจากมีพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเติมที่อาคารผู้โดยสารที่สองของสนามบินดอนเมืองในปี 2559 อาคารผู้โดยสารที่สองของสนามบินภูเก็ตในปี 2560 สนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2 ในปี 2563
อีกทั้ง ประเมินจะมีส่วนแบ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการต่อสัญญาสัมปทานที่สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 1 ในปี 2564 จึงคาดว่า สัดส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินของ AOT จะเพิ่มขึ้นเป็น 49% ในปี 2564 จากระดับ 42% ในปี 2558 จึงคงเป็น “Country Top Pick” ของฝ่ายวิจัย
สำหรับกรณีฝ่ายวิจัยมองเป็นปัจัยบวกต่อธุรกิจที่ไม่ใช่การบินของ AOT เป็นเพราะ 1.มีความสามารถในการทำกำไรมากกว่าธุรกิจการบิน เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่ตํ่ากว่ามาก 2.มีการประกันรายได้ขั้นตํ่า รายได้จากธุรกิจนี้จึงมีความยืดหยุ่นต่อความผันผวนทางเศรษฐกิจ 3.ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ด้วยการขยายขีดความสามารถในการรองรับของ AOT และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในหมู่ผู้ประกอบการร้านค้าปลอดภาษีทำให้ AOT สามารถเรียกส่วนแบ่งรายได้ที่สูงขึ้นได้
นักวิเคราะห์กล่าวอีกว่า แม้ประเมินผู้โดยสารของ AOT จะเติบโต 8-10% ในปี 2559-2560 แต่ปัจจุบันคาดกำไรจะเติบโต 15-22% ในปี 2559-2560 โดยได้แรงหนุนจาก 1.รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินที่สูงขึ้นจากพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเติมที่สนามบินดอนเมืองและภูเก็ต
2.การประหยัดจากขนาดที่ดีขึ้น แต่ด้วยความกังวลของฝ่ายวิจัยต่อความเสี่ยงด้านการกำกับดูแล จึงตัดสมมติฐานที่คาดจะมีการปรับขึ้นภาษีสนามบินในปี 2562 ออก อย่างไรก็ตามผลกระทบนี้ได้ถูกชดเชยโดยประมาณการที่คาดรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับการบินจะเพิ่มขึ้นจากพื้นที่เชิงพาณิชย์เพิ่มเติมใน SIA เฟส 2 ในปี 2563 และการต่ออายุสัญญาที่ SIA เฟส 1 ในปี 2564 ประกอบกับปรับมาใช้ประมาณการปี 2559 ราคาเป้าหมาย DCF ของฝ่ายวิจัยจึงเพิ่มขึ้นเป็น 420 บาท คงคำแนะนำ “ซื้อ”
นอกจากนี้ กระแสเงินสดของ AOT ยังแข็งแกร่งอย่างมาก มีเงินสดในมือ 4.8 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2558 มี EBITDA ต่อปีที่ 3-3.6 หมื่นล้านบาท ในปี 2559-2561 แม้จะสมมติให้มีการลงทุน 1.5 แสนล้านบาทในอีก 8 ปีข้างหน้า แต่คาดบริษัทจะยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เป็นเงินสดสุทธิ
ดังนั้น จึงอาจบ่งบอกถึงความสามารถในการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูงขึ้นในอนาคต ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทจ่ายปันผลในอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็น 50% แล้วในปี 2558 จากเดิม 40% และที่อัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 50% มองว่าผลตอบแทนเงินปันผล (dividend yield) ที่ 2-2.5% ในปี 255
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น