TRUE ย้ำพร้อมร่วมประมูล 4G
2015-09-16
หนุนไทยก้าวสู่ฮับไอซีทีของภูมิภาคอาเซียน
'ทรู' เผยพร้อมเข้าร่วมประมูล 4G ล่าสุดบอร์ดอนุมัติให้ “ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซลคอมมิวนิเคชั่น” เข้าชิงทั้งคลื่น 1800 และ 900 MHz ผลักดันไทยก้าวสู่ฮับไอซีทีของภูมิภาคอาเซียน ด้วยการพัฒนา Hard Side และ Soft Side
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ในฐานะนายกสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมที่จะเข้าประมูล 4G ทั้งคลื่นความถี่ 1800 MHz และคลื่นความถี่ 900 MHz ที่ทางคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดประมูลในช่วงเดือน พ.ย.และ ธ.ค.นี้ เนื่องจากบริษัทต้องการคลื่นความถี่มากขึ้น เช่นเดียวกับผู้ให้บริการรายอื่นที่มีความต้องการคลื่นความถี่ เพื่อนำไปให้บริการ 4G
โดยล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 11 ก.ย.2558 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซลคอมมิวนิเคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.99% เข้าร่วมการประมูลใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลย่าน 1800 MHz และ 900 MHz
“4G ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน Hard Side เป็นการนำอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงไปถึงพื้นที่ห่างไกล แต่ต้องร่วมกันผลักดันทั้งอุตสาหกรรม โดยเราก็พร้อมประมูล 4G เพราะต้องคลื่นความถี่มากขึ้น ซึ่งทุกคนก็ต้องการเช่นกัน เพื่อนำมาทำ 4G” นายศุภชัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทยังพร้อมที่จะลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางโทรคมนาคม รวมถึงการครอบคลุมอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ดิจิตอลคอนเทนต์ และการเพิ่มเงินทุนให้กับ Venture capital เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพต่างๆ อีกด้วย
ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงในช่วงครึ่งปีหลังนั้น มองว่าเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจเอเชียยังคงแข็งแรง รวมถึงไทยด้วย และเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลงเป็นเพียงภาวะชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้นต้องรอดูนโยบายภาครัฐที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยต่อไป
นายศุภชัย กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยผลักดันประเทศไทยให้มีความก้าวหน้าทัดเทียมนานาอารยประเทศ หรืออย่างน้อยที่สุดต้องเป็นหนึ่งในผู้นำของกลุ่มประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จึงเป็นโอกาสที่สำคัญที่จะผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางไอซีที (ฮับ) ของภูมิภาคอาเซียนนี้
สำหรับการเป็นศูนย์กลางไอซีที (ฮับ) ของภูมิภาคจะส่งผลให้เกิดพัฒนาการทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะมีจุดเริ่มต้นจากการดึงดูดธุรกิจต่างชาติขนาดใหญ่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย เช่น Google Facebook Amazon Apple และอื่นๆ โดยจะเริ่มต้นจาก Data Center และพัฒนาเข้าสู่อุตสาหกรรม Big Data
ดังนั้นประเทศไทยจะต้องพัฒนา Hard Side หรือการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และมีศักยภาพเพียงพอเพื่อให้บริการประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค หรือที่เรียกว่า International Gateway และ Submarine Cable อีกทั้งต้องพัฒนา Soft Side ซึ่งประกอบด้วยการพัฒนาบุคลากร การส่งเสริมการลงทุนทั้งในธุรกิจ ICT เอง ด้วยการเชิญชวนให้ Google Facebook Amazon Apple และอื่นๆ เข้ามาตั้งอยู่ในประเทศไทย ด้วยนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่ไม่แพ้ของสิงคโปร์และมาเลเซีย และเชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอ และหวังว่าจะมีการผนึกกำลังกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ซึ่งจะทำผ่านสมาคมก็ได้ ซึ่งในขณะนี้ ทางสมาคมฯ ก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อจัดทำแผนกลยุทธ์เพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลในเร็วๆ นี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น