KTCรับผลดีกระตุ้นศก. ราคาหุ้นซ่อนกำไร54%
2015-09-04
บัตรกรุงไทยรับผลดีแผนกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐบาล โบรกฯ มองราคาซ่อนกำไร 4.35 บาทต่อหุ้น หรือ 54% ของกำไรต่อหุ้น เนื่องจาก coverage ratio สูงกว่า 300% แถมไตรมาส 3 คาดว่ากำไร 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% ราคาเป้าหมาย 115 บาท
บล.ธนชาต แนะนำหุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย หรือ KTC เป็นหุ้นที่ได้รับผลดีจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะแผนกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านกองทุนหมู่บ้าน และวิสาหกิจชุมชน และมองว่า coverage ratio ของ KTC ที่ 300% เป็นระดับที่สูงเกินไป จึงได้ประเมินมูลค่าที่ซ่อนไว้ได้ที่ 4.35 บาท/หุ้น หรือ 54% ของกำไรต่อหุ้นปี 2558
นโยบายการตั้งสำรองแบบระมัดระวัง และความสำเร็จในการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือNPL ของ KTC ทำให้ coverage ratio เพิ่มขึ้นมากจาก 195% ในปี 2555 มาอยู่ที่ 364% ในปี 2557 และ 393% ในช่วงครึ่งปีแรก 2558 ซึ่งเป็นระดับที่สูงที่สุดในบรรดาบริษัทสินเชื่อเพื่อการบริโภค (Consumer Finance) และสูงกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
แม้ KTC จะไม่มีนโยบายโอนกลับตั้งสำรองพิเศษเพื่อเป็นกำไร แต่บริษัทยังคงสามารถบริหารตั้งสำรองพิเศษเพื่อให้มีกำไรได้อย่างสม่ำเสมอหากจำเป็นในอนาคต ด้วยมองว่า coverage ratio ที่ 300% เป็นระดับที่สูงเกินไป จึงได้ประเมินมูลค่าที่ซ่อนไว้ได้ที่ 4.35 บาท/หุ้น หรือ 54% ของกำไรต่อหุ้นปี 2558
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ใหม่ของ ธปท. KTC จึงขายธุรกิจติดตามหนี้ในเดือนพ.ค. 2558 ซึ่งค่าเสื่อมราคาที่ค้างอยู่และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองพิเศษเป็นสาเหตุให้กำไรไตรมาส 2/58 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด จึงเชื่อว่าการชะลอตัวในไตรมาส 2/58 ไม่ได้บ่งชี้ถึงแนวโน้มธุรกิจ
อีกทั้ง ยังคงคาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ย 3 ปีที่ 18% และด้วยราคาหุ้นปรับตัวลง 21% จากระดับสูงสุดของปี 2558 ในเดือนเม.ย. ที่ 111 บาท KTC จึงซื้อขายระดับไม่แพงอีกต่อไปที่ 2559 P/BV และ PEG ที่ต่ำลงมาที่ 2.1 เท่า และ 0.5 เท่า KTC ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีที่ 4.4% ในปี 2559 และมีอัพไซด์ 34% จากราคาเป้าหมายของเราซึ่งประเมินภายใต้วิธีคิดลดเงินปันผลที่ 115 บาท แนะนำ "ซื้อ"
ขณะที่บริษัทยังคงได้ประโยชน์จากการปรับลดต้นทุน ปัจจุบัน KTC อยู่ในขั้นที่สองของการปลดล็อกมูลค่าผ่านการมีส่วนแบ่งตลาดที่สูงขึ้น คาดว่า EPS จะเติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปี ที่ 18 %
แม้จะประสบความสำเร็จในการสร้างฐานกำไรและ ROE ใหม่ที่สูงขึ้น เราเชื่อว่าการปลดล็อกความสามารถในการทำกำไรของบริษัทยังไม่สิ้นสุด การฟื้นตัวของกำไรปี 2554-2556 เป็นเพียงการสะท้อนความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหลังบ้าน (Back-office) ผ่านการยกเลิก outsourcing และปรับปรุงการบริหารความเสี่ยงด้านสินเชื่อ (Credit Risk) ซึ่งทำให้สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้และค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองลดลง
ขณะที่ KTC ยังคงได้ประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนนี้ แต่เราเชื่อว่าความสามารถในการสร้างรายได้ผ่านการออกโปรโมชั่นที่สร้างสรรค์ต่างๆ และการร่วมมือกับ KTB มากขึ้น ยังสะท้อนให้เห็นได้ไม่เต็มที่ เราคาดว่าบริษัทจะมี EPS เติบโตเฉลี่ยในช่วง 3 ปี (ปี 2557-2560) ที่ 18% และ ROE ยังคงยืนอยู่ในระดับสูงที่ 25% จากปี 2558
ความสำเร็จในการปรับโครงสร้างหลังบ้านทำให้ฐานะการเงินของบริษัทแข็งแกร่งขึ้น โดยการมี loan loss coverage สูง และ NPL ratio ต่ำได้ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางด้านการเงิน ซึ่งจะช่วยหนุนความสามารถในการผลักดันแบรนด์และตำแหน่งทางการตลาดของบริษัทให้แข็งแกร่งขึ้น การเปิดตัวโปรโมชั่นที่สร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องทำให้ผลิตภัณฑ์ของ KTC เป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค
นอกจากนี้ KTC ยังได้ปรับปรุงช่องทางการจัดจำหน่ายโดยการร่วมมือกับ KTB มากขึ้น จากเดิมที่มุ่งเน้นตลาดล่าง KTC ประสบความสำเร็จในการเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงสูงมากขึ้น เราเชื่อว่าปี 2558 เป็นปีแรกของแนวโน้มการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดของบริษัท และคาดว่า KTC จะมีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ย 3 ปีที่ 9% และอุตสาหกรรมที่ 5%
นักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นต่อผลประกอบการไตรมาส 3/58 โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/58 จะอยู่ที่ราว 560 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อนหน้า และ 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณการกำไรทั้งปีของเราที่ 1,994 ล้านบาท คงประมาณการเดิมไว้ โดยคาดว่าแนวโน้มไตรมาส 3/58 จะกลับมาแข็งแกร่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น