TISCOยอมรับ ตั้งสำรองเพิ่ม ปัญหาหนี้SSI
2015-09-18
ผู้บริหารของ TISCO คาดไตรมาส 3/58 จะต้องตั้งสำรองพิเศษเพิ่มจากปัญหาหนี้ของ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) ที่กำลังมีปัญหาที่ประเทศอังกฤษ จากวงเงินสินเชื่อที่ปล่อยไป 4 พันล้านบาท ด้านโบรกฯ เผย สินเชื่อหดตัวรุนแรงด้วย
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมตั้งสำรองพิเศษในช่วงไตรมาส 3/58 กรณีปล่อยกู้ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) วงเงินสินเชื่อ 4,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารได้ตั้งสำรองไปแล้วบางส่วน เป็นไปตามเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)
"ตอนนี้เราก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเราตั้งสำรองเพิ่มอีกเท่าไหร่ ซึ่งเราคงจะสรุปตัวเลขได้ในวันที่ 23 กันยายนนี้ และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาเรามีการตั้งไปแล้วกว่า 50%"นางอรนุช กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารยังคาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมปีนี้จะติดลบไม่เกิน10% แม้ช่วงครึ่งปีแรกจะติดลบไปแล้ว 5% เนื่องจากเศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างช้าๆ นอกจากนี้ ธนาคารมีแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารจะพยายามควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ให้ไม่เกินที่ระดับ 2.9% ซึ่งใกล้เคียงกับปัจจุบัน
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี(ประเทศไทย) ระบุว่า KKP รายงานสินเชื่อเดือนสิงหาคมยังคงเติบโตได้ 1,000 ล้านบาทจากเดือนก่อน คิดเป็น 0.59% ส่งผลให้ยอดสินเชื่อในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมาแล้วกว่า 3,000 ล้านบาท จากปลายไตรมาส 2
ขณะที่ยอดเงินรับฝากลดลงต่อเนื่องโดยล่าสุดลดลงราว 3,300ล้านบาทจากเดือนก่อนหน้า ส่งผลให้ยอดเงินรับฝากในไตรมาส 3 ลดลงมามากถึง 7,900 ล้านบาท คิดเป็น -6.43%
การปรับเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ ขณะที่ลดเงินรับฝากลงส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินรับฝาก (Loan to Deposit) เพิ่มขึ้นมาเป็น 148.92% จาก 136.85% ในเดือนมิถุนายน ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อ/เงินรับฝาก+เงินกู้ (Loan to (Deposit + Borrowing) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 103.12% จาก 101.88% ในเดือนมิถุนายน ส่งสัญญาณให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับตัวของ NIM ที่ดีขึ้นใน 3Q58
คงคำแนะนำ “ซื้อ” KKP ราคาปัจจุบันอยู่ที่ระดับต่ำ P/BV 0.72x ที่ 39.50 บาท โดยราคาปัจจุบันอยู่ที่ 31.00บาท คิดเป็น Trailing PBV เพียง 0.72x ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำมาก ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานโดดเด่นจากสินเชื่อที่เติบโตต่อเนื่อง และ NIM ที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น
คาดการณ์ปันผลงวดไตรมาส 2 ที่ 1.40 บาท/หุ้น คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงถึง 4.5% และหากรวมเงินปันผลระหว่างกาลงวด 1H59 1 บาท/หุ้น KKP จะให้ Dividend Yield ที่สูงถึง 7.7%
ด้าน บมจ. ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO อยู่ระหว่างทบทวนกำไร และราคาเป้าหมาย หลังแนวโน้มสินเชื่อหดตัวเกินคาดไปมาก ขณะที่รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเติบโตได้น้อยกว่าคาด นอกจากนี้ปัจจุบันราคาหุ้น TISCO อยู่ที่ 38.75 บาท คิดเป็น Trailing P/BV ที่ 1.18x สูงกว่า KKP และ TCAP ที่ปัจจุบันมี Trailing P/BV ที่ 0.72x และ 0.70x ตามลำดับ อาจทำให้มีความเสี่ยงถูกขายได้ง่าย
ล่าสุด TISCO รายงานกลุ่มธนาคารพาณิชย์ในเดือนสิงหาคม ว่า สินเชื่อมีการหดตัวลงถึง 2.99% จากเดือนก่อนหน้า ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลงที่รุนแรงที่สุดของปีนี้ ส่งผลให้ในช่วงไตรมาส 3 สินเชื่อมีการปรับตัวลงแล้วกว่า 3.56% และเมื่อพิจารณาช่วง 1 ปีที่ผ่านมาสินเชื่อปรับตัวลงถึง 13.32% อย่างไรก็ตาม TISCO ได้มีการปรับลดสัดส่วนเงินฝากลง โดยมีการกู้เพิ่มบางส่วน ส่งผลให้สัดส่วนสินเชื่อ/เงินฝาก+เงินกู้ ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 96.58% ในเดือนกรกฎาคม เป็น 97.26% ในเดือนสิงหาคม ทำให้คาดว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิอาจไม่ได้มีการปรับตัวลงมากนัก
ทั้งนี้ สิ่งที่น่ากังวลในไตรมาส 3 เป็นส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิมากกว่า รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ ได้แก่ รายได้ค่าธรรมเนียม, กำไรจาก FX, กำไรจากการขายรถยึด โดยเรากังวลผลจากการออกกอง Trigger Fund กองใหม่ๆ ที่มีแนวโน้มไม่ Trig ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมจากการขายกองฯใหม่มีแนวโน้มลดลง
ขณะที่ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนอาจทำให้มีลูกค้ามาทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้ธนาคารมีความเสี่ยงมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น