วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

‘KTB’ไร้สำรองพิเศษ กำไรขยับอยู่อันดับ3 สินเชื่อปี 58 โต 6% โบรกฯอัพราคา 29 บ.

‘KTB’ไร้สำรองพิเศษ
กำไรขยับอยู่อันดับ3
สินเชื่อปี 58 โต 6% โบรกฯอัพราคา 29 บ.

ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม 2557 
ผู้เข้าชม : 9 คน 


“วรภัค” ผู้บริหารแบงก์กรุงไทย หรือ KTB คาดกำไรสุทธิปีนี้จะออกมาดี และอาจขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของกลุ่มธนาคาร ส่วนปีหน้า สินเชื่อเติบโตได้มากกว่า 6% เล็งรุกรายย่อย-เอสเอ็มอีมากขึ้น ยืนยันไร้ตั้งสำรองพิเศษ คุมเอ็นพีแอลได้ โชว์กระบวนการปรับการทำงานภายในคืบหน้าไปมาก ด้าน บล.เอเซีย พลัส แนะ KTB หุ้นเด่นสุดของกลุ่ม ปีหน้ากำไรพุ่ง 12% ขยับราคาเป็น 29.16 บาท

นาย วรภัค ธันยาวงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า ในปี 2558 ธนาคารตั้งเป้าหมายให้สินเชื่อเติบโต 1.5 เท่าของจีดีพี ที่ประเมินว่าจะขยายตัวได้ 3.5-4.5% และทำให้คาดว่าสินเชื่อจะเติบโตได้ถึง 6%
สำหรับ กลุ่มเป้าหมายนั้น ธนาคารจะรุกเอสเอ็มอีและรายย่อยเป็นหลัก ตั้งเป้าเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก ส่วนรายใหญ่จะยังไม่โตมากนัก ขณะที่ภาครัฐก็จะเติบโตไปตามจีดีพี
ทาง ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล จะลดลงต่อเนื่องหลังจากก่อนหน้านี้ขยับขึ้นมาตามเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และความสามารถในการชำระลดลง โดยตอนนี้ธนาคารมีเครื่องมือในการพิจารณาสินเชื่อที่มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้น ทำให้มั่นใจว่าเอ็นพีแอลจะลดลง ซึ่งปัจจุบัน Net NPL อยู่ที่ 1.4% และการตั้งสำรองจะกลับมาปกติ หลังจากธนาคารได้ตั้งสำรองที่สูงไปแล้ว ถึงแม้ว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมาจะมีเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 11,009 ล้านบาท หรือ 19.50% ก็ตาม
“เอ็น พีแอลจะลดลง เพราะเรามีตะแกรงที่ถี่ขึ้น ของเก่าก็จัดการตามขั้นตอนไป ของใหม่จะเกิดขึ้นก็ยาก โดยตอนนี้รายย่อยและเอสเอ็มอีเราจะรุกหนักเต็มที่ และจะเห็นว่าปีหน้า KTB มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะเติบโตก้าวกระโดดทุกด้าน” นายวรภัค กล่าว
นาย วรภัค กล่าวว่า ธนาคารมีขนาดสินเชื่อและสินทรัพย์เป็นอันดับ 1 ส่วนสาขาก็มีมากสุดที่ 1,200 สาขา ขณะที่ SCB อยู่ที่ 1,100 สาขา ซึ่งเชื่อว่าในปีนี้มีโอกาสที่จะมีกำไรสุทธิเป็นอันดับ 3 จากธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด รองจาก SCB และ KBANK
ปัจจุบัน ลูกค้าของ KTB แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ลูกค้าขนาดใหญ่ประมาณ 35% ลูกค้าเอสเอ็มอีประมาณ 20% ลูกค้ารายย่อยประมาณ 35% และลูกค้าภาครัฐประมาณ 10%
ใน ขณะที่ธนาคารอื่นแบ่งเป็น 3 กลุ่มเท่านั้นไม่มีลูกค้าภาครัฐอย่างของ KTB ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารได้วางนโยบาย 3 ปีที่จะไปดวงจันทร์เพื่อสร้างกำไร 3 เท่า หรือเป็น 6 หมื่นล้านบาทจากปีแรก 20,000 ล้านบาท ปีที่ 2 ขยับขึ้นมาเป็น 40,000 ล้านบาท และ ปีสุดท้าย 60,000 ล้านบาท โดยที่ต้องไม่เพิ่มทุน ไม่เพิ่มคน และทำงาน 8 ชั่วโมงใน 1 วันเช่นเคย
“ตอน นี้นโยบายธนาคารได้ปรับเป็นดาวอังคารจนมาเป็นดวงดาว และล่าสุดขอเป็นยอดเขาแทน หลังดวงจันทร์ดูจะไกลเกินไป โดยยอดเขาที่ 1 คือ การวางรากฐานรายย่อย เอสเอ็มอี และ HR ปรับกระบวนการจัดการบุคลากร ยอดเขาที่ 2 คือ กำไร และ ส่วนแบ่งทางการตลาด ยอดเขาที่ 3 คือ ต้องเป็นองค์กรที่คนอยากจะเข้ามาทำงานมากที่สุด ประกอบกับต้องมีแบรนด์ที่ดี และทำงานแล้วมีความสุข” นายวรภัค กล่าว
บล.เอ เซีย พลัส ระบุว่า ได้เลือก KTB เป็น Top Pick โดยยังคงประมาณการผลการดำเนินงานปี 2558 จะเติบโตแรงถึง 15.4% จากปี 2557 ภายใต้คาดการณ์ ROE ปี 2557-2558 เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็น 15-16%
และ จากสถานการณ์การเมืองในประเทศที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้แผนการกำหนดยุทธศาสตร์ประเทศในเรื่องการคมนาคมที่จำเป็นต้องเร่งพัฒนา เริ่มเดินหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ โดยการเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญซึ่งจะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นไป น่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้น KTB ในระยะถัดไป
ทั้งนี้แบงก์กรุงไทยราคายัง Laggard เมื่อเทียบกับหุ้นแบงก์ขนาดใหญ่ด้วยกัน
เรา ยังประเมินราคาเหมาะสมปี 2557 เท่ากับ 26.70 บาท และปี 2558 เท่ากับ 29.16 บาท อิง PBV 1.67 เท่า ตามวิธี GGM ภายใต้สมมติฐานคาดการณ์ ROE ระยะยาวเท่ากับ 17.0% โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมีอัพไซด์ถึง 28% ซึ่งน่าจะช่วยกำจัด Downside Risk ได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น