ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ตลท.ชี้หุ้นชินพื้นฐานดี
หวั่นขายทิ้งเสียโอกาส
:กลุ่ม INTUCH แจงไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 7 คน
"ตลท." ชี้หุ้นกลุ่ม "ชินคอร์ป" พื้นฐานดี จ่ายปันผลสูง ควรศึกษาข้อมูลก่อนแห่ขายตามข่าวลือ หวั่นนักลงทุนเสียโอกาสทองลงทุนผลตอบแทนสูง ฟากกลุ่มอินทัชแจงไม่เกี่ยวข้องการเมือง ไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น ขณะ ADVANC ยันลูกค้ายังไม่ย้ายไปค่ายมือถืออื่น หลังกปปส.พุ่งเป้าโจมตีธุรกิจ
วานนี้ (20 ก.พ.) ราคาหุ้นในกลุ่มเครือชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มกปปส.ประกาศยกระดับการชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยข่มขู่ว่าจะโจมตีธุรกิจของตระกูลชินฯ พร้อมเตือนให้นักลงทุนขายหุ้นบริษัทเหล่านั้นทิ้งให้หมด พร้อมปักหลักชุมนุมกดดันหน้าอาคารชินวัตร 3 จนกว่ารัฐบาลรักษาการจะลาออกนั้น ได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาหุ้นร่วงยกแผงตามเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มชินฯออกมาอย่างหนัก
โดยราคาหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ปิดตลาดที่ 72.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือลดลง 2.03% มูลค่าการซื้อขาย 1,704.60 ล้านบาท ราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ปิดตลาดที่ 211 บาท ลดลง 6 บาท หรือลดลง 2.76% มูลค่าการซื้อขาย 2,458.18 ล้านบาท ราคาหุ้น THCOM ปิดตลาดที่ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลดลง 1.25% มูลค่าการซื้อขาย 95.97 ล้านบาท และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL ปิดตลาด 10.10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลดลง 3.81% มูลค่าการซื้อขาย 19.14 ล้านบาท โดยเฉพาะหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ซึ่งถือเป็นหุ้นบริษัทเดียวในขณะนี้ที่เป็นของตระกูลชินวัตร ปิดตลาด 3.14 บาท หรือลดลง 0.10 บาท หรือลดลง 3.09% มูลค่าการซื้อขาย 38.01ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ตามกระแสข่าวลือที่ให้ขายหุ้นจากกลุ่มดังกล่าว เพราะมองว่ายังเป็นหุ้นของกลุ่มชินวัตร ซึ่งความเป็นจริงแล้วหุ้นในกลุ่มชินฯมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ การขายหุ้นอาจจะทําให้เสียโอกาสทางการลงทุนได้ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มชินฯ มีมาร์เก็ตแคปถึง 9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของมาร์เก็ตแคปรวมในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมากําไรสุทธิของทั้งกลุ่มมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลในระดับสูง อาทิ INTUCH เคยจ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตราถึง 15% โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราปันผล 5-6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่อยู่ประมาณ 3% ขณะที่หุ้น ADVANC ก็จ่ายปันผลในอัตราสูงถึง 13% ในปีที่ผ่านมา
"หุ้นในกลุ่มชินฯเป็นหุ้นพื้นฐานดี ถ้าแห่ขายตามข่าวลือต่างๆ โดยไม่ศึกษาข้อมูลอาจจะเสียโอกาสในการลงทุนได้ ขณะเดียวกันเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีการกํากับดูแลถึงธุรกรรมต่างๆ อย่างละเอียดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯและก.ล.ต." นายชนิตร กล่าว
ขณะที่นางวิไล เคียงประดู่ โฆษกกลุ่ม INTUCH ชี้แจงกรณีเลขาธิการ กปปส.ประกาศจะยกระดับการชุมนุมพุ่งเป้าโจมตีธุรกิจของกลุ่มชินฯ โดยเตือนนักลงทุนให้รีบขายหุ้นกลุ่มชินฯออกให้หมด ว่า กลุ่ม INTUCH ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้งปัจจุบันผู้ก่อตั้งไม่ได้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัท จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทแต่อย่างใด
โดยเราเชื่อว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นจะลงทุนในบริษัทใดย่อมทำการตรวจสอบการดำเนินงาน ความโปร่งใส ความแข็งแกร่งของบริษัทก่อนที่จะทำการลงทุนหุ้นของกลุ่มชินฯ ได้แก่ INTUCH, ADVANC และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันและสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกับกลุ่มบริษัทต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งได้ขายหุ้นทั้งหมดให้กับกลุ่มเทมาเส็กแห่งสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2549 โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรกของ INTUCH, ADVANC และ THCOM ในปัจจุบันมีดังนี้ 1.บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 41.62% 2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 22.93% 3.CHASE NOMINEES LIMITED 28 ถือหุ้น 0.83% 4.LITTLEDOWN NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 0.76% 5.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (EQ-TH) ถือหุ้น 0.68% 6.STATE STREET BANK EUROPE LIMITED ถือหุ้น 0.66% 7.นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ ถือหุ้น 0.66% 8.นายบำรุง ศรีงาน ถือหุ้น 0.65% 9.กองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล ถือหุ้น 0.65% และ 10.CHASE NOMINEES LIMITEDถือหุ้น 0.59%
ด้านนายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า จากกรณีเลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศจะยกระดับการชุมนุม พุ่งเป้าโจมตีธุรกิจของกลุ่มชินฯนั้น กรณีดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลกระทบให้ลูกค้าของบริษัทมีการโอนย้ายไปยังค่ายมือถืออื่นแต่อย่างใด
โดยปัจจุบันบริษัทมีผู้ใช้บริการโดยรวมอยู่ที่ 41 ล้านราย เป็นลูกค้าที่สมัครใช้บริการ 3G บนคลื่น 2.1GHz อยู่ที่กว่า 16 ล้านราย หรือคิดเป็น 40% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด และบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปี 2557 จะมีผู้ใช้บริการ 3G บนคลื่น 2.1GHz อยู่ที่ 30 ล้านราย หรือคิดเป็น 75% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด พร้อมกับคาดหวังให้ลูกค้ามาใช้บริการข้อมูลมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้บริการข้อมูลในปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่เติบโต 24%
ขณะเดียวกัน ไม่ได้มีความกังวลว่านักลงทุนจะมีการเทขายหุ้นของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH รวมถึงหุ้นของบริษัท เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนได้มีการศึกษาข้อมูล พื้นฐาน และผลการดำเนินงานของบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้นแต่ละตัว
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงประชาชนทั่วไปจะไม่มีความเข้าใจในกรณีดังกล่าว และไม่ทราบถึงความจริงว่าในปัจจุบันหุ้นของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของหุ้นกลุ่ม INTUCH ไม่ได้ถือหุ้นโดยตระกูลชินวัตรแล้ว ดังนั้นบริษัทจึงมีการชี้แจงออกไปตามสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ และการให้สัมภาษณ์ลงตามข่าว เป็นต้น
“ในขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบว่าลูกค้าย้ายไปค่ายอื่น แต่ผลกระทบทางด้านการเมืองเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 แล้วที่คนที่ไม่ชอบหน้าทักษิณและตระกูลชินวัตร แต่ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะในปัจจุบันตระกูลชินวัตรไม่ได้ถือหุ้นบริษัทเราแล้ว และไม่ได้กังวลว่านักลงทุนจะทิ้งหุ้น เพราะเชื่อว่าลงทุนศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน แต่ห่วงประชาชนทั่วไปมากกว่าที่ไม่ได้ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เราก็ค่อยๆ ชี้แจงไป” นายวิเชียร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกลุ่มกปปส.จะไล่ล่าโจมตีหุ้นกลุ่มชินคอร์ปแล้ว จนทำให้ราคาหุ้นร่วงระนาวกันเป็นแถวแล้ว กปปส.ยังจะไล่ล่าลามไปถึงหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่มีกระแสข่าวลือว่า AOT เตรียมใช้เงินสดส่วนเกินประมาณ 40,000 ล้านบาท ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนา จนเกิดกระแสต่อต้านของพนักงานที่ออกมาแต่งดำประท้วง แม้ประธานบอร์ดจะออกมาชี้แจงว่าไม่มีนโยบายซื้อพันธบัตรรัฐบาลช่วยชาวนาก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าจะมีม็อบชาวนาจะบุกไปแสดงแสนยานุภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ (21 ก.พ.) โดยยืนยันว่าจะไม่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิก็ตาม โดยส่งผลทำให้ราคาหุ้น AOT วานนี้ปิดตลาด 183 บาท ลดลง 5 บาท หรือลดลง 2.66% มูลค่าซื้อขายรวม 1,945.48 ล้านบาท
หวั่นขายทิ้งเสียโอกาส
:กลุ่ม INTUCH แจงไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 7 คน
"ตลท." ชี้หุ้นกลุ่ม "ชินคอร์ป" พื้นฐานดี จ่ายปันผลสูง ควรศึกษาข้อมูลก่อนแห่ขายตามข่าวลือ หวั่นนักลงทุนเสียโอกาสทองลงทุนผลตอบแทนสูง ฟากกลุ่มอินทัชแจงไม่เกี่ยวข้องการเมือง ไร้ตระกูลชินวัตรถือหุ้น ขณะ ADVANC ยันลูกค้ายังไม่ย้ายไปค่ายมือถืออื่น หลังกปปส.พุ่งเป้าโจมตีธุรกิจ
วานนี้ (20 ก.พ.) ราคาหุ้นในกลุ่มเครือชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ปรับตัวลดลงแรงต่อเนื่องเป็นวันที่สอง หลังจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มกปปส.ประกาศยกระดับการชุมนุมขับไล่รัฐบาล โดยข่มขู่ว่าจะโจมตีธุรกิจของตระกูลชินฯ พร้อมเตือนให้นักลงทุนขายหุ้นบริษัทเหล่านั้นทิ้งให้หมด พร้อมปักหลักชุมนุมกดดันหน้าอาคารชินวัตร 3 จนกว่ารัฐบาลรักษาการจะลาออกนั้น ได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาหุ้นร่วงยกแผงตามเกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มชินฯออกมาอย่างหนัก
โดยราคาหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ปิดตลาดที่ 72.25 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือลดลง 2.03% มูลค่าการซื้อขาย 1,704.60 ล้านบาท ราคาหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ปิดตลาดที่ 211 บาท ลดลง 6 บาท หรือลดลง 2.76% มูลค่าการซื้อขาย 2,458.18 ล้านบาท ราคาหุ้น THCOM ปิดตลาดที่ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือลดลง 1.25% มูลค่าการซื้อขาย 95.97 ล้านบาท และบริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ จำกัด (มหาชน) หรือ CSL ปิดตลาด 10.10 บาท ลดลง 0.40 บาท หรือลดลง 3.81% มูลค่าการซื้อขาย 19.14 ล้านบาท โดยเฉพาะหุ้นบริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ซึ่งถือเป็นหุ้นบริษัทเดียวในขณะนี้ที่เป็นของตระกูลชินวัตร ปิดตลาด 3.14 บาท หรือลดลง 0.10 บาท หรือลดลง 3.09% มูลค่าการซื้อขาย 38.01ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการสายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ ก่อนตัดสินใจขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ตามกระแสข่าวลือที่ให้ขายหุ้นจากกลุ่มดังกล่าว เพราะมองว่ายังเป็นหุ้นของกลุ่มชินวัตร ซึ่งความเป็นจริงแล้วหุ้นในกลุ่มชินฯมีผู้ถือหุ้นใหญ่ คือกลุ่มเทมาเส็กของประเทศสิงคโปร์
ทั้งนี้ การขายหุ้นอาจจะทําให้เสียโอกาสทางการลงทุนได้ เนื่องจากหุ้นในกลุ่มชินฯ มีมาร์เก็ตแคปถึง 9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 8% ของมาร์เก็ตแคปรวมในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยมีผลประกอบการที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมากําไรสุทธิของทั้งกลุ่มมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ยังเป็นหุ้นที่มีอัตราเงินปันผลในระดับสูง อาทิ INTUCH เคยจ่ายเงินปันผลคิดเป็นอัตราถึง 15% โดยในปีที่ผ่านมามีอัตราปันผล 5-6% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่อยู่ประมาณ 3% ขณะที่หุ้น ADVANC ก็จ่ายปันผลในอัตราสูงถึง 13% ในปีที่ผ่านมา
"หุ้นในกลุ่มชินฯเป็นหุ้นพื้นฐานดี ถ้าแห่ขายตามข่าวลือต่างๆ โดยไม่ศึกษาข้อมูลอาจจะเสียโอกาสในการลงทุนได้ ขณะเดียวกันเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีการกํากับดูแลถึงธุรกรรมต่างๆ อย่างละเอียดโดยตลาดหลักทรัพย์ฯและก.ล.ต." นายชนิตร กล่าว
ขณะที่นางวิไล เคียงประดู่ โฆษกกลุ่ม INTUCH ชี้แจงกรณีเลขาธิการ กปปส.ประกาศจะยกระดับการชุมนุมพุ่งเป้าโจมตีธุรกิจของกลุ่มชินฯ โดยเตือนนักลงทุนให้รีบขายหุ้นกลุ่มชินฯออกให้หมด ว่า กลุ่ม INTUCH ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมือง อีกทั้งปัจจุบันผู้ก่อตั้งไม่ได้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัท จึงไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มบริษัทแต่อย่างใด
โดยเราเชื่อว่านักลงทุนและผู้ถือหุ้นจะลงทุนในบริษัทใดย่อมทำการตรวจสอบการดำเนินงาน ความโปร่งใส ความแข็งแกร่งของบริษัทก่อนที่จะทำการลงทุนหุ้นของกลุ่มชินฯ ได้แก่ INTUCH, ADVANC และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานความเป็นมืออาชีพ โปร่งใส ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาล สิ่งเหล่านี้จะเป็นเครื่องยืนยันและสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนกับกลุ่มบริษัทต่อไป
ทั้งนี้ ผู้ก่อตั้งได้ขายหุ้นทั้งหมดให้กับกลุ่มเทมาเส็กแห่งสิงคโปร์ ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2549 โดยผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรกของ INTUCH, ADVANC และ THCOM ในปัจจุบันมีดังนี้ 1.บริษัท แอสเพน โฮลดิ้งส์ จำกัด ถือหุ้น 41.62% 2.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 22.93% 3.CHASE NOMINEES LIMITED 28 ถือหุ้น 0.83% 4.LITTLEDOWN NOMINEES LIMITED ถือหุ้น 0.76% 5.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (EQ-TH) ถือหุ้น 0.68% 6.STATE STREET BANK EUROPE LIMITED ถือหุ้น 0.66% 7.นายประชา ดำรงค์สุทธิพงศ์ ถือหุ้น 0.66% 8.นายบำรุง ศรีงาน ถือหุ้น 0.65% 9.กองทุนเปิด กรุงศรีหุ้นระยะยาวปันผล ถือหุ้น 0.65% และ 10.CHASE NOMINEES LIMITEDถือหุ้น 0.59%
ด้านนายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า จากกรณีเลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศจะยกระดับการชุมนุม พุ่งเป้าโจมตีธุรกิจของกลุ่มชินฯนั้น กรณีดังกล่าวยังไม่ได้ส่งผลกระทบให้ลูกค้าของบริษัทมีการโอนย้ายไปยังค่ายมือถืออื่นแต่อย่างใด
โดยปัจจุบันบริษัทมีผู้ใช้บริการโดยรวมอยู่ที่ 41 ล้านราย เป็นลูกค้าที่สมัครใช้บริการ 3G บนคลื่น 2.1GHz อยู่ที่กว่า 16 ล้านราย หรือคิดเป็น 40% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด และบริษัทยังคงตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปี 2557 จะมีผู้ใช้บริการ 3G บนคลื่น 2.1GHz อยู่ที่ 30 ล้านราย หรือคิดเป็น 75% ของผู้ใช้บริการทั้งหมด พร้อมกับคาดหวังให้ลูกค้ามาใช้บริการข้อมูลมากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายรายได้บริการข้อมูลในปีนี้เติบโต 30% จากปีก่อนที่เติบโต 24%
ขณะเดียวกัน ไม่ได้มีความกังวลว่านักลงทุนจะมีการเทขายหุ้นของกลุ่มบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH รวมถึงหุ้นของบริษัท เนื่องจากเชื่อว่านักลงทุนได้มีการศึกษาข้อมูล พื้นฐาน และผลการดำเนินงานของบริษัทก่อนที่จะตัดสินใจซื้อหุ้นแต่ละตัว
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงประชาชนทั่วไปจะไม่มีความเข้าใจในกรณีดังกล่าว และไม่ทราบถึงความจริงว่าในปัจจุบันหุ้นของบริษัท ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของหุ้นกลุ่ม INTUCH ไม่ได้ถือหุ้นโดยตระกูลชินวัตรแล้ว ดังนั้นบริษัทจึงมีการชี้แจงออกไปตามสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทางออนไลน์ และการให้สัมภาษณ์ลงตามข่าว เป็นต้น
“ในขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบว่าลูกค้าย้ายไปค่ายอื่น แต่ผลกระทบทางด้านการเมืองเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2549 แล้วที่คนที่ไม่ชอบหน้าทักษิณและตระกูลชินวัตร แต่ไม่เกี่ยวกับเรา เพราะในปัจจุบันตระกูลชินวัตรไม่ได้ถือหุ้นบริษัทเราแล้ว และไม่ได้กังวลว่านักลงทุนจะทิ้งหุ้น เพราะเชื่อว่าลงทุนศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน แต่ห่วงประชาชนทั่วไปมากกว่าที่ไม่ได้ดูว่าความจริงเป็นอย่างไร แต่เราก็ค่อยๆ ชี้แจงไป” นายวิเชียร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกลุ่มกปปส.จะไล่ล่าโจมตีหุ้นกลุ่มชินคอร์ปแล้ว จนทำให้ราคาหุ้นร่วงระนาวกันเป็นแถวแล้ว กปปส.ยังจะไล่ล่าลามไปถึงหุ้นตัวอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาลด้วย โดยเฉพาะบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ที่มีกระแสข่าวลือว่า AOT เตรียมใช้เงินสดส่วนเกินประมาณ 40,000 ล้านบาท ไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพื่อจ่ายค่าจำนำข้าวให้ชาวนา จนเกิดกระแสต่อต้านของพนักงานที่ออกมาแต่งดำประท้วง แม้ประธานบอร์ดจะออกมาชี้แจงว่าไม่มีนโยบายซื้อพันธบัตรรัฐบาลช่วยชาวนาก็ตาม
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าจะมีม็อบชาวนาจะบุกไปแสดงแสนยานุภาพที่สนามบินสุวรรณภูมิในวันนี้ (21 ก.พ.) โดยยืนยันว่าจะไม่ปิดสนามบินสุวรรณภูมิก็ตาม โดยส่งผลทำให้ราคาหุ้น AOT วานนี้ปิดตลาด 183 บาท ลดลง 5 บาท หรือลดลง 2.66% มูลค่าซื้อขายรวม 1,945.48 ล้านบาท
posted from Bloggeroid
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น