ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: ILINKปันผลเป็นหุ้น1:1
ปี57กำไรนิวไฮ198ล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 6 คน
ILINK ปลื้มผลงานปี 56 มีกำไรสุทธิ 167.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% จากปีก่อน พร้อมปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราปันผล 1 บาท/หุ้น ควบเงินสด 0.11112 บาท/หุ้น ส่วนปี 57 ลั่นกำไรนิวไฮอีก 198 ล้านบาท
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 167.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.46 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,996.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.04% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,467.64 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณเพิ่มขึ้นจำนวน 184.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.32% เมื่อเทียบปีก่อน และรายได้จากธุรกิจวิศวกรรมเพิ่มขึ้น 343.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.32% เมื่อเทียบปีก่อน
ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นปันผลและเงินสดจากผลการดำเนินงานปี 2556 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 129,994,541 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 129,994,541 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.11112 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 14.445 ล้านบาท รวมทั้ง 2 กรณี เป็นการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 1.11112 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 18 มี.ค.นี้ และจ่ายปันผลวันที่ 2 พ.ค.นี้
อีกทั้งมีมติการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 หรือ ILINK-W1 ใหม่ โดยปรับราคาการใช้สิทธิเดิม 20 บาท/หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้น เป็นราคาการใช้สิทธิใหม่ 10 บาท/หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 2 หุ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิไม่ให้ด้อยไปกว่าเดิม โดยเหตุการณ์ที่ต้องปรับสิทธิเนื่องจากจ่ายหุ้นปันผลวันที่มีผลการปรับสิทธิวันที่ 18 มี.ค. 2557
นอกจากนี้ มีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนสำหรับหุ้นในส่วนที่ยังไม่เรียกชำระและไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับการแปลงสภาพหลักทรัพย์ใด จำนวน 8,221 บาท (หุ้นสามัญ 8,221 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ทำให้จากเดิมมีทุนจดทะเบียน 145,000,000 บาท (หุ้นสามัญ 145,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) คงเหลือเป็นทุนจดทะเบียน 144,991,779 หุ้น (หุ้นสามัญ 144,991,779 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) และเสนอพิจารณาการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 129,994,541 หุ้นเพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้น และเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 14,997,238 หุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพของในสำคัญแสดงสิทธิ ILINK-W1 ในมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ ILINK เปิดเผยว่า ในปี 2557 กำไรของบริษัทน่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้าหมายมีกำไรสุทธิไว้ที่ 198 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,350 ล้านบาท ซึ่งจะมาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่มีการรักษาฐานตลาดไว้ค่อนข้างดีประมาณ 22% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านธุรกิจวิศวกรรมในปีนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,500 ล้านบาทหลังจากในปี 2556 บริษัทประมูลงานได้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะกูด เกาะหมาก จ.ตราด มูลค่า 1,150 ล้านบาท และโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 800 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 1,950 ล้านบาท ซึ่งมีการรับรู้รายได้ไปแล้วประมาณ 500 ล้านบาท ในปี 2556 และจะรับรู้รายได้ในปีนี้อีกประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 2558
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 1,686 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน อย่างไรก็ตามหากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ก็เชื่อว่าจะสามารถเข้าประมูลงานได้ทันที รวมทั้งมีแผนเข้าประมูลในโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ในหลายโครงการ มูลค่าแต่ละโครงการประมาณ 100 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจเทเลคอมในปีนี้ บริษัทจะขยายโครงข่าย Interlink Fiber Optic Network ตามแนวรถไฟและตามแนวถนนให้ครอบคลุม 72 จังหวัดภายในเดือน มี.ค.นี้ จากปัจจุบันครอบคลุมประมาณ 64-65 จังหวัด เพื่อรองรับลูกค้าเข้ามาเช่าโครงข่ายมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีลูกค้าองค์กรเช่าใช้อยู่ที่ 50% โอเปอเรเตอร์ 20% และภาครัฐ 20% ส่วนอีก 10% เป็นการติดตั้งโครงข่ายให้กับลูกค้า
ประกอบกับบริษัทจะเปิดให้บริการ IPLC เพื่อเชื่อมต่อไปยังกัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2 ราย ได้แก่ ลูกค้าโอเปอเรเตอร์ และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต คาดว่าน่าจะเข้ามาใช้บริการภายในเดือนก.ค.นี้
ส่วนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์นั้น บริษัทได้แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มมีธนาคารของรัฐมาใช้บริการช่วงเดือนเม.ย.นี้ประมาณ 40% คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 80% ขณะที่เฟส 2 อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำ ILINK เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท ซึ่งหากจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้จะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 20 ล้านบาท เพื่อให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 300 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2558 และยังเตรียมนำบริษัท อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET เช่นกัน คาดว่าจะเป็นปี 2559
ปี57กำไรนิวไฮ198ล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้เข้าชม : 6 คน
ILINK ปลื้มผลงานปี 56 มีกำไรสุทธิ 167.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% จากปีก่อน พร้อมปันผลเป็นหุ้นในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราปันผล 1 บาท/หุ้น ควบเงินสด 0.11112 บาท/หุ้น ส่วนปี 57 ลั่นกำไรนิวไฮอีก 198 ล้านบาท
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 167.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.67% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.46 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,996.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.04% จากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,467.64 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณเพิ่มขึ้นจำนวน 184.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.32% เมื่อเทียบปีก่อน และรายได้จากธุรกิจวิศวกรรมเพิ่มขึ้น 343.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 205.32% เมื่อเทียบปีก่อน
ขณะที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นปันผลและเงินสดจากผลการดำเนินงานปี 2556 โดยจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทจำนวน 129,994,541 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล รวมมูลค่าทั้งสิ้น 129,994,541 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราจ่ายปันผล 1 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.11112 บาท หรือคิดเป็นไม่เกิน 14.445 ล้านบาท รวมทั้ง 2 กรณี เป็นการจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 1.11112 บาท กำหนดขึ้น XD วันที่ 18 มี.ค.นี้ และจ่ายปันผลวันที่ 2 พ.ค.นี้
อีกทั้งมีมติการปรับสิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1 หรือ ILINK-W1 ใหม่ โดยปรับราคาการใช้สิทธิเดิม 20 บาท/หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อ 1 หุ้น เป็นราคาการใช้สิทธิใหม่ 10 บาท/หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 1 หน่วย ต่อ 2 หุ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิไม่ให้ด้อยไปกว่าเดิม โดยเหตุการณ์ที่ต้องปรับสิทธิเนื่องจากจ่ายหุ้นปันผลวันที่มีผลการปรับสิทธิวันที่ 18 มี.ค. 2557
นอกจากนี้ มีมติอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนสำหรับหุ้นในส่วนที่ยังไม่เรียกชำระและไม่ได้มีไว้เพื่อรองรับการแปลงสภาพหลักทรัพย์ใด จำนวน 8,221 บาท (หุ้นสามัญ 8,221 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ทำให้จากเดิมมีทุนจดทะเบียน 145,000,000 บาท (หุ้นสามัญ 145,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) คงเหลือเป็นทุนจดทะเบียน 144,991,779 หุ้น (หุ้นสามัญ 144,991,779 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) และเสนอพิจารณาการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 129,994,541 หุ้นเพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้น และเพิ่มทุนใหม่ จำนวน 14,997,238 หุ้น เพื่อรองรับการแปลงสภาพของในสำคัญแสดงสิทธิ ILINK-W1 ในมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท
นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ ILINK เปิดเผยว่า ในปี 2557 กำไรของบริษัทน่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุด (นิวไฮ) ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยตั้งเป้าหมายมีกำไรสุทธิไว้ที่ 198 ล้านบาท และมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,350 ล้านบาท ซึ่งจะมาจาก 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจจัดจำหน่ายสายสัญญาณที่มีการรักษาฐานตลาดไว้ค่อนข้างดีประมาณ 22% ต่อปี และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทางด้านธุรกิจวิศวกรรมในปีนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 1,500 ล้านบาทหลังจากในปี 2556 บริษัทประมูลงานได้ 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะกูด เกาะหมาก จ.ตราด มูลค่า 1,150 ล้านบาท และโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะพงัน จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 800 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 1,950 ล้านบาท ซึ่งมีการรับรู้รายได้ไปแล้วประมาณ 500 ล้านบาท ในปี 2556 และจะรับรู้รายได้ในปีนี้อีกประมาณ 800-1,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 2558
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเข้าประมูลโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ไปยังเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี มูลค่า 1,686 ล้านบาท ซึ่งยังไม่มีระยะเวลาที่แน่นอน อย่างไรก็ตามหากมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้ก็เชื่อว่าจะสามารถเข้าประมูลงานได้ทันที รวมทั้งมีแผนเข้าประมูลในโครงการก่อสร้าง Submarine Cable ในหลายโครงการ มูลค่าแต่ละโครงการประมาณ 100 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจเทเลคอมในปีนี้ บริษัทจะขยายโครงข่าย Interlink Fiber Optic Network ตามแนวรถไฟและตามแนวถนนให้ครอบคลุม 72 จังหวัดภายในเดือน มี.ค.นี้ จากปัจจุบันครอบคลุมประมาณ 64-65 จังหวัด เพื่อรองรับลูกค้าเข้ามาเช่าโครงข่ายมากขึ้น ซึ่งในขณะนี้มีลูกค้าองค์กรเช่าใช้อยู่ที่ 50% โอเปอเรเตอร์ 20% และภาครัฐ 20% ส่วนอีก 10% เป็นการติดตั้งโครงข่ายให้กับลูกค้า
ประกอบกับบริษัทจะเปิดให้บริการ IPLC เพื่อเชื่อมต่อไปยังกัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย และสิงคโปร์ในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค.นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 2 ราย ได้แก่ ลูกค้าโอเปอเรเตอร์ และผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต คาดว่าน่าจะเข้ามาใช้บริการภายในเดือนก.ค.นี้
ส่วนธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์นั้น บริษัทได้แบ่งเป็น 2 เฟส โดยเฟสแรกได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเริ่มมีธนาคารของรัฐมาใช้บริการช่วงเดือนเม.ย.นี้ประมาณ 40% คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีลูกค้ามาใช้บริการมากกว่า 80% ขณะที่เฟส 2 อยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนนำ ILINK เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จากปัจจุบันจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีทุนจดทะเบียน 280 ล้านบาท ซึ่งหากจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ได้จะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 20 ล้านบาท เพื่อให้มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 300 ล้านบาท คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2558 และยังเตรียมนำบริษัท อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET เช่นกัน คาดว่าจะเป็นปี 2559
posted from Bloggeroid