ข่าวร้ายของหุ้นผลิตแผงโซล่า
กลุ่มทุนจีนเปิด รง.ผลิตแผ่นโซลาร์ส่งออกที่ระยองถือเป็นข่าวร้ายของหุ้นผลิตแผงโซล่า ที่จะต้องเจอคู่แข่งระดับโลกจากจีนที่มีทั้งเทคโนโลยี ต้นทุนต่ำ และมีความพร้อมด้านการเงิน
รอดูกันต่อไปนะคะว่าผลกระทบจากเรื่องนี้ จะส่งผลอย่างไรต่อราคาหุ้นที่เกี่ยวข้อง
หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์ = หุ้นโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ เพราะต้นทุนก่อสร้างจะลดลงและค่าดูแลรักษาถูกลง
หุ้นที่น่าจะเสียประโยชน์ = หุ้นผลิตแผงโซล่า
สำหรับนักลงทุน หุ้นบริษัทอะไรก็ตามที่หากต้องแข่งอย่างเสรีแล้วแข่งยาก อยู่ได้ทุกวันนี้เพียงแค่ข้อได้เปรียบจากการกีดกันทางการค้าเส้นบางๆ ก็เหมือนกับชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นได้ค่ะ
กลุ่มทุนจีนเปิด รง.ผลิตแผ่นโซลาร์ส่งออกที่ระยอง
วันนี้ (28 มี.ค.) ดร.วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย Mr.Gao Ji Fan ประธานบริษัท ทรินา โซลาร์ ไซเอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด นายพินิจ จารุสมบัติ ประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีน พล.อ.ณัฐติพล กนกโชติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะคอร์ปอร์เรชั่น จำกัด (มหาชน) และนายจางเหลย ผู้จัดการใหญ่ธนาคารแบงก์ ออฟ ไชน่า (ประเทศไทย) ได้ร่วมกันตัดริบบิ้นเปิดบริษัท ทรินา โซลาร์ ไซเอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอมตะซิตี้ ตำบลมาบยางพร อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
ดร.วิษณุ กล่าวว่า บริษัท ทรินา โซลาร์ ไซเอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี จำกัด เป็นผู้ผลิตแผงโซลาร์ที่ใหญ่ที่สุดของจีน ที่ได้เลือกลงทุนในประเทศไทย โดยบริษัทดังกล่าวมีโรงงานผลิตอยู่ในหลายประเทศ ขณะที่การตั้งโรงงานในนิคมฯ อมตะปลวกแดง ถือเป็นโรงงานที่ใหญ่ที่สุด จากปัจจัยดึงดูดที่สำคัญคือ ประเทศไทยมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะต่อการลงทุน และยังเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน การส่งออกในอาเซียน
ขณะที่ นายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท อมตะซิตี้ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันนิคมฯ อมตะซิตี้มีโรงงานกว่า 1,200 โรง และ 99% ของโรงงานในนิคมฯ อมตะ ประสบความสำเร็จจากการมีระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน และมีโรงไฟฟ้า 10 โรงที่มีกำลังผลิตรวม 1,400 เมกกะวัตต์ เพื่อสนับสนุนโรงงานต่างๆ ส่วน บริษัท ทรินา โซลาร์ฯ เป็นโรงงานพลังงานสะอาดที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย และยังทำให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 3 ของประเทศที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับพลังงานสะอาดของโลกอีกด้วย
โดยการลงทุนของบริษัทดังกล่าวในประเทศไทยใช้เงินลงทุนจำนวน 100 ล้านเหรียญ แบ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ 50 ล้านเหรียญ และธนาคารไชน่าอีก 50 ล้านเหรียญ
ที่มา: MGR Online
28 มีนาคม 2559 16:35 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น