วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Pylon กิมเอ็งเชียร์

โบรกฯชูPYLONหุ้นเด่นปี59

2015-12-30 12:00:00
ผู้เข้าชม : 1

:ขานรับกำไรเติบโต233ล้าน

จับตา PYLON หุ้นเด่นขนาดกลาง-เล็กปีหน้า โบรกฯ ชี้งบปี 59 กำไรพุ่ง 233 ล้านบาท ให้ราคาเป้าหมาย 11.20 บาท เชื่อรับผลบวก PPP Fast Track ภาครัฐ 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้เลือกบริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือ PYLON เป็นหุ้นแนะนำสำหรับปี 2559 สำหรับกลุ่มหุ้นขนาดกลาง-เล็ก โดยผลการดำเนินงานคาดได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/58 และผลการดำเนินงานจะฟื้นตัวต่อเนื่อง หลังจากงานในมือมีมาร์จิ้นสูง โดยประเมินกำไรสุทธิปี 2559 จะทำได้จำนวน 233 ล้านบาท เติบโต 14% จากปี 2558
นอกจากนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” อิง P/E 18 เท่า ประเมินมูลค่า จะได้ราคาเหมาะสมปี 2559 ที่ระดับ 11.20 บาทต่อหุ้น โดยความเร็วการออกข้อกำหนดของผู้ว่าจ้าง หรือ TOR รถไฟฟ้า จะเป็นจุดที่ฝ่ายวิเคราะห์มีโอกาสจะปรับเพิ่มมุมมองบวกต่อ PYLON ซึ่งในเชิงกลยุทธ์ แนะนำทยอยสะสม เพื่อเตรียมรับการปรับประมาณการในปี 2559
สำหรับในไตรมาส 4/58 รายได้จะเริ่มฟื้นตัว 10-13% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/58 มาอยู่ที่ระดับ 300 ล้านบาท ขณะทีมูลค่างานในมือ เมื่อวันที่17 พ.ย. 2558 อยู่ที่จำนวน 785 ล้านบาท โดย 30% ของงานที่มีนั้น เป็นงานรับเฉพาะค่าแรง มีมาร์จิ้นที่สูงและจะรับรู้ในช่วง 3-4 เดือนแรกของปี 2559
ดังนั้นทิศ ทางของผลกำไรในไตรมาส 1/59 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ส่วนการเปิดหน้างานรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.4 กิโลเมตร ช่วงไตรมาส 1/59 จะทำให้ผู้รับเหมาคู่แข่งหลักจะทยอยกลับเข้าสู่หน้างานก่อสร้างรถไฟฟ้า ซึ่งทำให้การแข่งขันราคาระหว่างผู้รับเหมางานเสาเข็มเจาะมีแนวโน้มจะเบาบางลง จึงส่งผลบวกต่ออัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของกลุ่มที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ PYLON ยังได้ประโยชน์โดยตรงจากโครงการ PPP Fast Track ภาครัฐ โดยในปี 2559 โครงการรถไฟฟ้าในกรอบ PPP Fast track จำนวน 3 สาย ได้แก่ ส้ม เหลือง ชมพู จะมีความคืบหน้าทั้งด้านการประมูล และจะเริ่มก่อสร้างได้บางโครงการในช่วงไตรมาส 3/59 โดยคิดเป็นมูลค่าก่อสร้างรวม 2 แสนล้านบาท ซึ่งส่งผลบวกต่อ PYLON จากปริมาณความต้องการเสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ทั้งในงานโครงสร้างรถไฟฟ้า และอาคารสูง คอนโดมิเนียม บริเวณแนวรถไฟฟ้า
อีกทั้ง ยังมีงานอื่นๆ เช่น โครงการรถไฟทางคู่ ซึ่งบางโครงการมีงานฐานรากเป็นจำนวนมาก ขณะที่ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงแข็งแกร่งโดยมีอัตราหนี้สินต่อทุนหรือ D/E ที่ระดับ 0.3 เท่า และมีกระแสเงินสดในมือจำนวน 500 ล้านบาท ซึ่งจะพร้อมสำหรับการรับงาน และขยายกำลังการผลิตอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ทิศทางของตลาดงานเสาเข็มเจาะเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหากมองว่า การออกร่าง TOR ชุดแรกของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งป็นหนึ่งในโครงการของ  PPP Fast track โดยคาดจะเห็นได้ในไตรมาส 1/59 และนับเป็นจุดสำคัญที่จะส่งผลให้ตลาดงานก่อสร้าง และราคาหุ้นกลับมาคึกคัก และมีโอกาสปรับประมาณการขึ้น จากอุปสงค์ใหม่ และอัตรากำไรที่สูงขึ้นจากภาวะตึงตัวของผู้รับเหมางานเสาเข็มเจาะที่อาจเกิดขึ้นได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น