ความไร้เสถียรภาพในตลาดไม่อาจยับยั้ง“เฟด”ได้
2015-12-16 12:01:00
ผู้เข้าชม : 1
ความผันผวนในตลาดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไม่ยับยั้งธนาคารกลางสหรัฐจากการขึ้นดอกเบี้ยในวันพุธนี้ได้ แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจะทำให้ความท้าทายในการสื่อสารของธนาคารกลางสหรัฐมีความซับซ้อนมากขึ้น
โมฮัมเหม็ด เอล-อีเรียน หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของบริษัทอัลลิแอนซ์ กล่าวว่า เมื่อสามเดือนก่อนธนาคารกลางสหรัฐเจอภาวะแวดล้อมที่คล้ายกับตอนนี้ คือตลาดซวนเซเพราะมีความวิตกเกี่ยวกับการเติบโตของจีน ราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรง และขาดสภาพคล่อง ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจสหรัฐฯสนับสนุนให้ขึ้นดอกเบี้ย แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐเชื่อว่า จะเป็นความรอบคอบที่จะรอให้ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมาสงบเงียบเสียก่อน
เมื่อเกิดความสงบในเวลาต่อมาในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน เฟดเตรียมปูทางให้ตลาดเตรียมพร้อมต่อการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม โดยเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อนนี้เท่านั้น ผลการสำรวจชิ้นหนึ่งของวอลล์สตรีท เจอร์นัลพบว่า นักเศรษฐศาสตร์มากกว่า 90% คาดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย
แต่ตลาดการเงินทั่วโลกกลับมาไร้เสถียรภาพอีกครั้ง ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีแรงเทขายในตลาดอย่างรุนแรงเพราะมีความวิตกขึ้นมาใหม่เกี่ยวกับจีน มีความไม่แน่นอนที่เกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางสำคัญๆ ซึ่งสวนทางกัน และมีผลกระทบจากสามเซ็กเมนต์ในตลาดที่ไม่สมดุลกัน คือจาก น้ำมัน พันธบัตรที่มีผลตอบแทนสูง และสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่ นักลงทุนยิ่งมีความวิตกเพิ่มมากขึ้นเมื่อเกิดความวิตกเกี่ยวกับสภาพคล่องโดยมีสาเหตุมาจากการที่กองทุน เธิร์ด อะเวนิว ตัดสินใจที่จะจำกัดการไถ่ถอนกองทุนซึ่งให้ผลตอบแทนสูง
เอล อีเรียน กล่าวว่า พัฒนาการเหล่านี้มีความสำคัญ แต่ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้เฟดตัดสินใจไม่ขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงแข็งแกร่งโดยมีการสร้างงานอย่างแข็งแกร่งเป็นประวัติการณ์ โดยเฉลี่ย 12 เดือนมีการสร้างานเป็นประมาณ 240,000 ตำแหน่งต่อเดือน และทำให้อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 5% และรายได้ต่อชั่วโมงลดน้อยลง ซึ่งลดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินฝืด และการดำเนินการของธนาคารกลางต่างๆซึ่งรวมถึงธนาคารกลางยุโรป ได้ทำให้การคุกคามจากต่างประเทศที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯบรรเทาลง
อย่างไรก็ดี เอลอีเรียน กล่าวว่า เหตุผลในการขึ้นดอกเบี้ยยังคงมีอยู่ และความวุ่นวายในตลาดการเงินเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มความเสี่ยงให้เฟดต้องตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้ ผลที่ตามมาก็คือ เฟดจำเป็นจะต้องสื่อสารอย่างชัดเจน โดยจะต้องย้ำถึงองค์ประกอบสำคัญสามประการว่า การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการขึ้นครั้งแรกที่จะไม่ลึกมาก เฟดจะไม่ทำตามขั้นตอนในการขึ้นดอกเบี้ยเหมือนทุกครั้งแต่จะมีการรณรงค์ที่ผิดแผกจากเดิมและจะขึ้นอยู่กับภาวะต่างๆมาก และเมื่อเฟดเสร็จสิ้นวงจรการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว อัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยในอดีต
เอล อีเรียน กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องสื่อสารอย่างชัดเจนและแน่วแน่เพราะความไม่แน่นอนหลักๆเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับผลกระทบโดยตรงของมันที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะว่าผลกระทบเหล่านั้นน่าจะเล็กน้อย แต่ควรจะต้องวิตกเกี่ยวกับความหมายในการขึ้นดอกเบี้ยที่มีต่อความเชื่อมั่นในตลาดการเงิน ซึ่งได้ถูกท้าทายให้ปรับตัวเข้ากับความแตกต่างครั้งใหญ่ระหว่างนโยบายเงินของเฟดกับนโยบายเงินของธนาคารกลางในที่อื่นๆ
แม้ว่าเฟดจะลดโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นพิเศษอย่างระมัดระวัง ธนาคารกลางอื่นๆ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ ธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางจีน น่าจะเลือกที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจโดยใช้มาตรการพิเศษอีก และเนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจมหภาคอื่นๆส่วนใหญ่ถูกแช่แข็งไว้เพราะมีข้อจำกัดทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการปฏิรูปโครงสร้างและงบประมาณ มันจึงขึ้นอยู่กับตลาดการเงินส่วนตัวที่จะประนีประนอมต่อความแตกต่างด้านนโยบาย และนั่นน่าจะก่อให้เกิดความผันผวนของราคามากขึ้นในหลายตลาด
ด้วยการสื่อสารอย่างแข็งแกร่งและการดำเนินนโยบายมหภาคที่มีความรอบคอบ เฟดมีโอกาสที่จะดำเนินนโยบายเงินสู่ภาวะปกติโดยไม่เพิ่มความตึงเครียดที่สร้างความเสียหายต่อตลาดการเงิน แต่หากเฟดสื่อสารผิดพลาด หรือหากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไม่สามารถดีขึ้นอย่างเพียงพอ หรือหากมีเหตุการณ์ในตลาดแบบที่เกิดขึ้นกับกองทุนเธิร์ด อะเวนิว นักลงทุนก็จะพบในไม่ช้าว่า ธนาคารกลางต่างๆมีความสามารถน้อยลงมากที่จะมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์สามอย่างที่เกี่ยวข้องกับพอร์ตลงทุน นั่นคือ ผลตอบแทนที่แข็งแกร่ง ความผันผวนที่ควบคุมได้ และความสัมพันธ์ที่น่าพอใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น