วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ฟองสบู่พันธบัตรกำลังแตกในที่สุด? 2015-05-11

ฟองสบู่พันธบัตรกำลังแตกในที่สุด?

2015-05-11 
นักลงทุนได้พากันหนีพันธบัตรสหรัฐฯละยุโรปในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา  ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับพันธบัตรที่ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย  หรือนี่จะเป็นจุดจบในการดีดตัวของพันธบัตร หรือฟองสบู่กำลังแตก?

มันอาจจะเร็วเกินไปที่จะพูดเช่นนั้น แต่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯมีอายุไถ่ถอน 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 1.92% มื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา   และในช่วงท้ายๆ สัปดาห์อยู่ที่ประมาณ 2.21% อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรปรับตัวขึ้นเมื่อนักลงทุนเทขาย
นั่นอาจจะไม่ใช่การเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ แต่มันถือว่ามากในโลกที่มักง่วงเหงาหาวนอนของรายได้คงที่  และมันยังจะหมายถึงการขาดทุนมากสำหรับใครก็ตามที่ลงทุนในพันธบัตร ซึ่งนักลงทุนโดยเฉลี่ยหลายคนทำเช่นนั้น
พันธบัตรยุโรปก็แย่เหมือนพันธบัตรในสหรัฐฯ ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมันได้เพิ่มขึ้นจาก .16%  เป็นประมาณ 0.65% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา  ผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสเพิ่มจาก 0.4% เป็นเกือบ 1% ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอิตาลีและสเปน เพิ่มจากประมาณ 1.3% เป็นต่ำกว่า 2% เล็กน้อย
แน่นอนว่า อัตราดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับมาตรฐานในอดีต แต่ในขณะนี้ผลตอบแทนเหล่านี้ใกล้ระดับสูงสุดของปี  แนวโน้มเช่นนี้คือสิ่งที่กำลังทำให้ตลาดตื่นตระหนกว่ามันกำลังจะเปลี่ยนแปลงเร็วเพียงไร
มันเกิดอะไรขึ้น?  มองอย่างผิวเผินแล้ว  มันไม่มีเหตุผล
ในขณะนี้ธนาคารกลางยุโรปกำลังซื้อพันธบัตร ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับฉายาว่าเป็น “การผ่อนคลายเชิงปริมาณ” เพื่อพยายามรักษาอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำไว้ และในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯหยุดโครงการคิวอีเมื่อปีที่แล้ว และมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปลายปีนี้  นักลงทุนส่วนใหญ่คิดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไม่มาก
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ความวิตกที่ลดลงเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดในยุโรปได้ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น ราคาผู้บริโภคไม่สูงมากในเดือนที่ผ่านมา หลังจากที่ลดลงมา 4 เดือน
เหตุผลหนึ่งที่นักลงทุนได้ซื้อพันธบัตร คือ มีความวิตกว่าราคาสินทรัพย์จะลดลงอีก และในบางกรณีอาจถึงขนาดที่ต้องยอมรับผลตอบแทนติดลบ ในสถานการณ์ที่น่ากลัวเช่นนั้น มีการมองกันว่า สามารถยอมรับการขาดทุนเล็กน้อยได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมชาติที่ผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปจะเริ่มปรับตัวขึ้นอีกครั้ง และมันอาจไม่ลดลงมากอย่างง่ายๆ
“ธนาคารกลางได้ทำให้ผลตอบแทนลดลงเป็นเวลานาน”   ทอม คลาร์ก ผู้จัดการบริษัทจัดการกองทุนวิลเลี่ยม แบลร์ มาโคร อัลโลเคชั่น ในลอนดอน กล่าว             นอกจากนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังจะดีขึ้น การดำเนินการของธนาคารกลางยุโรปอาจจะเป็นผลดีอย่างแท้จริง
ลีอาห์  เบนเน็ตต์  หัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุนของบริษัทเซาธ์ เท็กซัส มันนี่ แมเนจเมนต์ ตั้งข้อสังเกตว่า ธนาคารปล่อยกู้ให้กับธุรกิจขนาดเล็กมากขึ้นในช่วงไตรมาสหนึ่งและการส่งออกในยุโรปโดยเฉพาะเยอรมนีได้เพิ่มขึ้นเพราะเงินยูโรได้อ่อนลงในปีนี้
นักลงทุนคิดว่าผลตอบแทนพันธบัตรควรจะปรับตัวขึ้นอีก   และนั่นคือสิ่งที่พวกเขามักทำเมื่อเศรษฐกิจแข็งแรงขึ้นในเมื่อความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดลดลง  แต่ทำไมจึงทำให้ผลตอบแทนในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นเช่นกัน?
แอชราฟ ไลดี หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ทั่วโลก ของซิตี้ อินเด็กซ์ในลอนดอน กล่าวว่า ผลตอบแทนพันธบัตรในตลาดที่พัฒนาแล้วมักเคลื่อนไหวควบคู่กัน  สหรัฐฯและยุโรปมักเป็นที่หลบภัยที่ปลอดภัยด้วยกันสำหรับนักลงทุน
การฟื้นตัวของราคาน้ำมันก็ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ราคาน้ำมันดิบเบรนต์พุ่งเหนือ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อเร็วๆ นี้ และในขณะนี้ใกล้ระดับสูงสุดของปีนี้แล้ว
“นี่เป็นเรื่องที่ความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดทั่วโลกลดลง” ไลดี กล่าว
นั่นคือข่าวดีสำหรับเศรษฐกิจโลก แต่มันอาจหมายถึงความเจ็บปวดเพิ่มอีกสำหรับนักลงทุนพันธบัตรหากผลตอบแทนสูงขึ้น
ไมค์  โอ รูค หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของโจนส์ เทรดดิ้ง ตั้งข้อสังเกตว่า ยังคงมีความบิดเบือนของราคาสินทรัพย์ในตลาด ดังนั้นการเคลื่อนไหวของพันธบัตรอาจเป็น “แผ่นดินไหว” เหมือนที่เกิดกับน้ำมันเมื่อปีที่แล้วและต้นปีนี้ และการเคลื่อนไหวมีแนวโน้มที่จะรุนแรง
อย่างไรก็ดี คลาร์กยังไม่แน่ใจว่าดอกเบี้ยจะสูงมากขนาดนั้น ผลตอบแทนพันธบัตรมักเพิ่มขึ้นเมื่อมีความวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ  มีความแตกต่างมากระหว่างการหยุดวิตกเกี่ยวกับภาวะเงินฝืดกับการกลับมาจริงๆ ของภาวะเงินเฟ้อ
“ไม่มีความเสี่ยงมากเมื่อการคาดการณ์เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน   เงินเฟ้อยังคงเป็นสุนัขที่ไม่ได้เห่า” คลาร์ก กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น