วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2557

บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ให้กับกองทุนต่างประเทศ หนุนซื้อหุ้น IVL ขยับเป้าหมายเป็น 45 บาท อัพไซด์ 66% มองปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และธุรกรรม M&A ช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงาน คาดไตรมาส 3 กำไร 1.2 พันล้านบาท เติบโตทั้งปีกว่า 32% ไปถึงปี 59

ขยับเป้าIVL45บาท
จับตาปีหน้าโต32%
*คาดไตรมาส 3 กำไรสนั่น 1.2 พันล้าน
ข่าวหน้าหนึ่ง วันศุกร์ที่ 05 กันยายน 2557
ผู้เข้าชม : 12 คน




บล.เอเซีย พลัส ออกบทวิเคราะห์ให้กับกองทุนต่างประเทศ หนุนซื้อหุ้น IVL ขยับเป้าหมายเป็น 45 บาท อัพไซด์ 66% มองปิโตรเคมีผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และธุรกรรม M&A ช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงาน คาดไตรมาส 3 กำไร 1.2 พันล้านบาท เติบโตทั้งปีกว่า 32% ไปถึงปี 59


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส ได้ออกบทวิเคราะห์ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เพื่อส่งให้กับกองทุนต่างประเทศ โดยรายงานระบุว่า ได้ปรับการประเมินรายได้เพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ และคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปีนี้ไปจนถึงช่วงปี 2559 ส่งผลให้ราคาเป้าพื้นฐานของหุ้น IVL ถูกปรับขึ้นกว่า 67%

“สำหรับการคาดการณ์ บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1-1.2 พันล้านบาท พร้อมกับมีความเชื่อมั่นว่าตัวเลขดังกล่าวจะมีการเติบโตขึ้นระหว่าง 32% จนกระทั่งสิ้นปี 2559”

บล.เอเซีย พลัส มองอีกว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีส่วนช่วยในการชี้วัดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตต่อ

อีกทั้งยังเชื่อว่าอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ได้ผ่านจุดตกต่ำมากที่สุดมาแล้ว

ขณะที่ นักวิเคราะห์แนะนำว่า เป็นโอกาสดีที่สุดสำหรับนักลงทุนที่จะเข้ามาซื้อสะสมหุ้น IVL พร้อมกับปรับเป้าราคาพื้นฐานใหม่ของปี 2558 ให้อยู่ที่ระดับ 45 บาทต่อหุ้น จากปัจจุบันอยู่ที่ 27-28 บาทต่อหุ้น โดยสัดส่วนของมูลค่าที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นกว่า 67% เพื่อสะท้อนการยกระดับรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีต่อจากนี้

เป้าราคาใหม่นี้ถูกคิดคำนวณอยู่บนรากฐานของราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น หรือ P/BV ที่ 2.8 เท่า ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าอัตราเฉลี่ยในระยะยาวที่ยืนระดับอยู่ที่ 2.5 เท่า

ทั้งนี้ การปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวได้รับแรงสนับสนุนมาจากการขยายธุรกิจในลักษณะ M&A หรือการเข้าควบรวม หรือ เข้าครอบครองกิจการอื่นๆ ที่อินโดรามา เวนเจอร์สได้ดำเนินการมาตลอดช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาศักยภาพในการผลิต และปรับปรุงรากฐานของอุตสาหกรรมให้ดีขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทถูกประเมินว่าจะปรับตัวสูงขึ้นที่ระดับ 10% ตั้งแต่ปัจจุบันไปจนถึงปี 2559

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการรองรับแผนการขยายธุรกิจ บริษัทได้ดำเนินการออกวอร์แรนต์ จำนวน 2 ชุด ได้แก่ IVL-W1 และ IVL-W2 เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยที่ผู้มีสิทธิสามารถใช้สิทธิดังกล่าว ที่ราคา 36 บาทต่อหุ้น สำหรับชุดแรก และ 43 บาทต่อหุ้น สำหรับชุดที่สอง ซึ่งบริษัทจะนำเงินทั้งหมดที่ได้จากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จำนวน 3.3 หมื่นล้านบาทเข้าซื้อกิจการในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นกิจการขนาดใหญ่ 2 โครงการ และกิจการสร้างใหม่อีก 3 โครงการ

อย่างไรก็ตาม วอร์แรนต์ 2 ชุดดังกล่าวเป็นประเภทที่จะไม่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อราคาหุ้น (Non-Dilutive) ซึ่งนักวิเคราะห์ยังมองเชิงบวกต่อการเพิ่มทุนในครั้งนี้ว่าเป็นแนวทางการเพิ่มทุนที่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากจะเป็นการช่วยรักษาเสถียรภาพทางการเงินของบริษัทตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า และยังจะเป็นการจำกัดการเพิ่มทุนในอนาคตของ IVL ไปในตัว

“ถ้าสังเกตการซื้อ-ขายหุ้นปิโตรเคมีจะเห็นได้ว่า ซื้อหุ้นในช่วงผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่มีราคาสูง และมาขาย (หุ้น) ในช่วงที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีใกล้จะลดต่ำลง จะให้ผลกำไรมากสุด และเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของ IVL จะเห็นได้ว่า ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาซื้อที่ดีที่สุด”

วานนี้ราคาหุ้น IVL บวก 1.25 บาท มาที่ 28.25 บาท เปลี่ยนแปลง 4.63% มูลค่าซื้อขาย 1.0 พันล้านบาท

posted from Bloggeroid

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น