วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2557

"TOG" เพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 1,900 ล้านบาท หรือโต 17% จากเป้าเดิมคาดโต 9% หลังอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลง การขายโปรดักต์มีมาร์จิ้นสูง ออเดอร์เพิ่มขึ้น ฟุ้งปี 2562 มีรายได้ 2,500 ล้านบาท เดินหน้าขยายตลาดเพิ่ม

ข่าวหุ้น - กระบอกเสียงอิสระแห่งตลาดทุน:: TOGเพิ่มเป้าปีนี้
รายได้โต17%
ออเดอร์ทะลัก
ข่าวหน้าหนึ่ง วันพุธที่ 10 กันยายน 2557
ผู้เข้าชม : 0 คน
"TOG" เพิ่มเป้ารายได้ปีนี้เป็น 1,900 ล้านบาท หรือโต 17% จากเป้าเดิมคาดโต 9% หลังอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอ่อนค่าลง การขายโปรดักต์มีมาร์จิ้นสูง ออเดอร์เพิ่มขึ้น ฟุ้งปี 2562 มีรายได้ 2,500 ล้านบาท เดินหน้าขยายตลาดเพิ่ม



นายวิรัช ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยออพติคอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TOG กล่าวว่า บริษัทมีการปรับเป้าหมายรายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1,900 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 17% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เติบโตประมาณ 9% หรือประมาณ 1,800 ล้านบาท เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ภายใต้ประมาณการอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ระดับ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และการขายโปรดักต์ที่มีมาร์จิ้นสูง รวมถึงมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เข้ามาเพิ่มขึ้น

“แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีครึ่งหลังน่าจะที่ใกล้เคียงกับช่วงครึ่งปีแรกที่มีรายได้กว่า900ล้านบาท ซึ่งอัตราแลกเปลี่ยนมีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ 80% สกุลเงินยูโร 10% ที่เหลือเป็นสกุลเงินอื่นๆ โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการส่งออกถึง 95% ส่วนอีก 5% เป็นตลาดในประเทศไทย ทั้งนี้ในอนาคต 3-5 ปีข้างหน้า สัดส่วนการส่งออกจะปรับเป็น 94% ตลาดในประเทศก็จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 6% เนื่องจากบริษัทมีแผนทำการตลาดในประเทศไทยมากขึ้น”

สำหรับปีหน้า (ปี 2558) ตั้งเป้ารายได้ไว้มากกว่า 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 15% และในปี 2562 จะมีรายได้ประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยจะมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 6% ต่อปี ซึ่งในปี 2562 จะมีสัดส่วนยอดขายจากตลาดยุโรป 43% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 28% เอเชีย 20% และ อเมริกา 9% จากปีนี้ที่จะมีสัดส่วนจากตลาดยุโรป 47% ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ 30% เอเชีย 15% และ อเมริกา 8%

ด้านงบลงทุน บริษัทตั้งไว้ปีละประมาณ 100 ล้านบาท โดยใช้ซื้อเครื่องจักรมาเสริมกำลังการผลิต รวมถึงเพิ่มเครื่องจักรในห้องแล็บ เป็นต้น แต่สำหรับปีนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีใช้งบลงทุนไปแล้วประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งงบลงทุนทั้งปีสำหรับปีนี้คาดว่าจะไม่เกิน 100 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่มีแผนลงทุนใหญ่ที่จะต้องใช้เงินจำนวนมาก

ส่วนธุรกิจห้องแล็บ ตอนนี้มี 3 แห่ง คือที่ประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม โดยที่ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย เปิดดำเนินการมาแล้ว 2-3 ปี ซึ่งดำเนินการร่วมกันพาร์ตเนอร์ต่างประเทศ ขณะนี้มีผลการดำเนินงานที่เป็นบวกแล้ว แต่สำหรับประเทศเวียดนาม ตอนนี้ผลการดำเนินงานยังติดลบ แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้น จึงคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนในปีหน้า

“ตลาดในเวียดนามเป็นตลาดที่พร้อมจะมีการเติบโตในอนาคต และมีลักษณะที่คล้ายกับประเทศไทยในอดีต นอกจากนี้ บริษัทก็ยังมีการหาลูกค้ารายใหม่ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้าเยอรมัน 1 ราย นอกจากนี้ในเดือนนี้จะมีการเดินทางไปเจรจากับลูกค้าฝรั่งเศสด้วย”

ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% โดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม แต่มาจากการลดต้นทุนการผลิต ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตเลนส์จากห้องแล็บ ประมาณ 5% และลดต้นทุนการผลิตเลนส์มาตรฐาน ประมาณ 3-5% ขณะเดียวกันบริษัทยังคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากบริษัทได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อลดต้นทุน ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ 11-12% จากปีก่อนประมาณ 9%

อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าตลาดทั่วโลกมีประชากร 7,200 ล้านคน มีความจำเป็นต้องใช้แว่นตาประมาณ 60% คิดเป็นประมาณ 4,300ล้านคน มีการเติบโตประมาณ 2% ซึ่งมีผู้สวมใส่แว่นในปัจจุบันแค่ 1,800 ล้านคน คิดเป็น 25% มีการเติบโตเฉลี่ยประมาณ 3% ส่วนที่เหลือ 2,500 ล้านคน ต้องการแก้ไขปัญหาทางสายตา หรือคิดเป็นสัดส่วน 35% ดังนั้นธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

posted from Bloggeroid

1 ความคิดเห็น: